หน้า 12 จาก 30
หน้า 12
วันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2554
BELL OH-58F
เฮลิคอปเตอร์สอดแนมแห่งอนาคต
Bell OH-58D Kiowa อากาศยานปีกหมุนที่ร่วมเข้าปฏิบัติการในสงครามต่างๆ
รวมถึงเข้าร่วมในยุทธการต่อต้านการก่อการร้ายเพื่อทำหน้าที่สนับสนุนงานข่าวกรองในพื้นที่การรบให้กับผู้บัญชาการในสนามรบมานานเกือบ
30 ปีแล้ว ปัจจุบัน
กองกำลังนาวิกโยธินอเมริกันตัดสินใจเลือกเฮลิคอปเตอร์สอดแนมติดตั้งอาวุธ หรือ Armed
Aerial Scout-AAS แบบใหม่ที่จะเข้ามารับหน้าที่แทนเฮลิคอปเตอร์แบบ Bell OH-58D
Kiowa ซึ่งก็คือเฮลิคอปเตอร์ Bell OH-58F (Fox) จากบริษัท Bell Helicopter
ที่ได้รับการแบบแผนและพัฒนาให้มีความทันสมัย
เหมาะสมกับการบินปฏิบัติการทางยุทธวิธีในปัจจุบันทุกสภาพพื้นที่
โดยเน้นหนักไปที่ระบบอุปกรณ์สื่อสารอเล็กทรอนิกส์เป็นสำคัญเพื่อทำให้
สามารถปฏิบัติภารกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นในอีก 25
ปีนับต่อจากนี้เป็นต้นไป
โครงการจัดซื้อ
เฮลิคอปเตอร์สอดแนมทางทหารของกองทัพอเมริกันมีบริษัทผู้ผลิตอากาศยานแบบปีก
หมุนให้ความสนใจในการนำเสนอแผนแบบที่มีความทันสมัยทั้งจากอุปกรณ์และระบบ
สื่อสารดิจิตอล ซึ่งรวมถึงแผนการปรับปรุงเฮลิคอปเตอร์ Bell OH-58D Kiowa ของบริษัท
AVX Aircraft Company โดยออกแบบให้มีใบพัดร่วมแกน 2 ชุดแทนใบพัดประธาน ติดตั้ง
Ducted ทั้งสองข้างที่บริเวณปลายหางทดแทนการทำงานของโรเตอร์ท้าย
กองทัพบกสหรัฐฯกำหนดให้บริษัทผู้ผลิตเฮลิคอปเตอร์นำเสนอแผนงานการปรับปรุงมา
ให้พิจารณาภายในปี 2557
และทำการปรับปรุงเครื่องรุ่นเก่าที่มีอายุใช้งานมานานพอควรอย่าง Bell OH-58D Kiowa
ที่มีประจำการอยู่ในกองบินปีกหมุนต่างๆให้มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น
ก่อนที่จะนำไปสู่การจัดซื้อ OH-58 F เพื่อเข้าประจำการไปจนถึงปีพ.ศ. 2568
ในปัจจุบัน OH-58 D มีอายุการใช้งานกว่า 28 ปีแล้ว
โดยเริ่มเข้าประจำการเมื่อปี 2526 มีขีดความสามารถทางการบินขึ้น-ลงทางดิ่ง
การสอดแนมทางยุทธวิธี
รวมถึงการใช้อาวุธทางอากาศเพื่อสนับสนุนกองกำลังทางภาคพื้นดินได้ดีที่สุด
แบบหนึ่งของโลก เฮลิคอปเตอร์ขนาดกะทัดรัดรุ่นนี้สามารถติดตั้งกระเปาะปืนกลอากาศขนาด
.50 นิ้ว กระเปาะจรวดขนาด 2.75 นิ้ว บรรจุ 7 นัด
รวมถึงจรวดนำวิถีอากาศสู่พื้นต่อต้านรถถังแบบ AGM-114 กับจรวดต่อต้านอากาศยาน
Stinger เฮลิคอปเตอร์ Bell OH-58D Kiowa มีชั่วโมงบินรวมแล้วกว่า 630,000
ชั่วโมงบินนับจากปีพ.ศ. 2534 ปัจจุบัน
ประจำการอยู่ในหน่วยบินของกองทัพบกอเมริกันในภารกิจบินลาดตระเวนและโจมตีทางอากาศทั้งในอิรักและอัฟกานิสถาน
ทำชั่วโมงบินสูงสุดมากกว่า 50 %ของอากาศยานทั้งหมดที่เข้าร่วมปฏิบัติการ
Bell OH-58D Kiowa มีประจำการอยู่ในกองกำลังนาวิกโยธินอเมริกันกว่า 94
เครื่อง ทั้งในอิรักและอัฟกานิสถาน เพื่อปฏิบัติภารกิจในการบินโจมตี
การลาดตระเวนทางอากาศทั่วไป การตรวจจับวัตถุระเบิด คุ้มกันขบวนยานยนต์ของทหาร
เฮลิคอปเตอร์ Bell OH-58D Kiowa แต่ละลำต้องออกปฏิบัติหน้าที่ถึง 90 ชั่วโมงบินใน 1
เดือน มีอัตราความพร้อมรบสูงถึง 85 % ในอนาคต
แผนแบบรุ่นต่อไปของอากาศยานปีกหมุนแบบสอดแนม-โจมตีรุ่นนี้จะถูกทดแทนโดย Bell OH-58
F (Fox) แต่ก่อนที่จะได้รับการส่งมอบเครื่องรุ่นใหม่
กองทัพบกอเมริกันได้เริ่มโครงการ Sustainment Maintenance Program - SMP และ
Survivability Enhancement Program - SEP
เพื่อทำการปรับปรุงในด้านความปลอดภัยระหว่างทำการบิน
รวมถึงการลดค่าใช้จ่ายในงานแผนแบบให้กับฝูงบินรุ่นเก่า
โครงการดังกล่าวไม่รวมถึงการปรับแก้ระบบเครื่องยนต์ให้เข้ากับสภาพภูมิอากาศ
ร้อนหรือการบินปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ที่มีความสูงชันมากกว่าปกติเช่น
ภูมิประเทศในแถบอัฟกานิสถาน
ซึ่งหากทำการปรับปรุงอย่างถึงขีดสุดจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแบบของเครื่องยนต์ที่สามารถให้แรงขับสูงกว่าเครื่องยนต์ที่ใช้งานอยู่ในขณะนี้
หรือแม้กระทั่งเปลี่ยนแบบเฮลิคอปเตอร์สอดแนมเป็นแบบใหม่ที่ให้ประสิทธิภาพทางการบินสูงกว่าที่เป็นอยู่
แผนงานในการปรับปรุง Bell OH-58D Kiowa
เพื่อดำรงความต่อเนื่องในการใช้งานของฝูงบินเฮลิคอปเตอร์ Kiowa ก่อนที่จะรับมอบ
Bell OH-58F รุ่นใหม่ล่าสุดที่ผลิตจากโรงงานของ Bell ในปี พ.ศ. 2558 ยกตัวอย่างเช่น
พัฒนาปรับปรุงขีดความสามารถของอุปกรณ์ตรวจจับระยะไกล
ปรับปรุงห้องนักบินให้มีความทันสมัยมากขึ้นด้วยการเปลี่ยนชิ้นส่วนอุปกรณ์
บางชิ้นให้เข้ากับยุคของสงครามอิเล็กทรอนิกส์ ตามโครงการ Cockpit And Sensor
Upgrade Program หรือ CASUP ส่วนแผนแบบของ Bell OH-58F (Fox)
ที่จะเข้าประจำการในอีก 4 ปีข้างหน้านับต่อจากนี้
จะมีการปรับแก้อุปกรณ์ประกอบการบินหลายรายการเช่น
ระบบเฝ้าตรวจทางอากาศและระบบค้นหาเป้าหมายหรือ Mast-Mounted Sensor-MMS
ซึ่งเดิมติดตั้งอยู่บริเวณส่วนหัวของตัวเครื่อง ในเครื่องรุ่นใหม่นี้
ตำแหน่งของการติดตั้งจะถูกย้ายลงมาที่ใต้ห้องนักบินส่วนหัวเพื่อลดแรงต้านของอากาศ
เปลี่ยนระบบเซนเซอร์ตรวจจับมาใช้แบบ AAS-53 Common Sensor Payload
ภายในบรรจุกล้องอินฟราเรด กล้องถ่ายภาพสีกำลังขยายสูง รวมถึง image intensifier
โดยมีการทำงานร่วมแกนกันระหว่างอุปกรณ์เซนเซอร์กวาดจับเป้าและเลเซอร์ชี้เป้ารวมถึงอุปกรณ์ติดตามเป้าหมายระยะไกลด้วยภาพ
image tracker เพื่อชี้เป้าหมายในพื้นที่การรบได้อย่างแม่นยำมากยิ่งขึ้น
ตำแหน่งเดิมของโดมระบบเฝ้าตรวจทางอากาศและระบบค้นหาเป้าหมายหรือ Mast-Mounted
Sensor-MMS ซึ่งติดตั้งอยู่บริเวณส่วนหัวของตัวเครื่องรุ่นเก่า (OH-53D)
ทำให้นักบินไม่สามารถมองเห็นภูมิประเทศและเป้าหมายขณะทำการบินผ่านตำแหน่งติดตั้งแบบใหม่ที่อยู่ใต้ห้องนักบินบริเวณส่วนหัวเครื่อง
จะช่วยให้นักบินสามารถใช้อุปกรณ์เซ็นเซอร์ติดตามการเคลื่อนไหวของข้าศึกด้าน
ล่างได้ดีขึ้นกว่าเดิม
ใน Cockpit นักบินของเครื่อง OH-53 F
รุ่นใหม่ล่าสุดที่จะเข้าประจำการในกองกำลังนาวิกโยธินอเมริกันอีก 4 ปีข้างหน้านี้
จะได้รับการติดตั้งจอภาพสีมัลติฟังก์ชั่น 3 จอ พร้อมด้วยระบบสื่อสารแบบดิจิตอล
ระบบสื่อสารอิเล็กทรอนิกส์จะมีขีดความสามารถในการปฏิบัติการกับเฮลิคอปเตอร์ โจมตี
AH-64 D-Block III รวมถึงอากาศยานไร้นักบิน โดยนักบินของเครื่อง OH-53 F
รุ่นใหม่ล่าสุดสามารถรับ-ส่งข้อมูลภาพเคลื่อนไหวเข้ารหัสกับอากาศยานแบบอื่น
โดยผ่านการเชื่อมโยงกับอากาศยานแบบไร้นักบิน ทำให้นักบินของเครื่อง OH-53 F
มองเห็นเป้าหมายหรือพื้นที่ตั้งของกองกำลังฝ่ายตรงข้ามได้อย่างชัดเจนจากการ
ออกบินปฏิบัติภารกิจร่วมกันของเฮลิคอปเตอร์ OH-53 F
และอากาศยานแบบไร้นักบินในอนาคตอันใกล้นี้
ซึ่งมีส่วนสำคัญที่จะทำให้นักบินของเครื่อง OH-53 F
รุ่นใหม่ล่าสุดได้รับทราบถึงสถานการณ์ก่อนที่จะนำเฮลิคอปเตอร์เข้าสู่พื้นที่ของการรบ
รวมทั้งยังสามารถเปิดใช้ระบบอาวุธได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
นักบินยังสามารถส่งถ่ายข้อมูลสำคัญของเป้าหมายจากการตรวจจับของอุปกรณ์เซนเซอร์ให้กับกองกำลังภาคพื้นดินฝ่ายเดียวกันเช่นเดียวกันกับเฮลิคอปเตอร์
รุ่น OH-53D Kiowa
เพื่อเพิ่มเติมประสิทธิภาพทางการบินในสภาพอากาศที่ร้อนจัดรวมถึงการบินในพื้นที่แถบหุบเขา
สูงชัน เนื่องจากเครื่องยนต์รุ่นเก่า Rolls-Royce Model 250-C30R/3
ซึ่งเป็นเครื่องยนต์แบบเทอร์โบชาร์ฟให้กำลังขับเคลื่อนเพียงแค่ 650 แรงม้า
ซึ่งไม่เพียงพอต่อการบินปฏิบัติการในลักษณะดังกล่าว วิศวกรการบินของบริษัท Bell
จึงทำการปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์ให้กับ OH-53 F
มาใช้เครื่องยนต์เทอร์โบชาร์ฟที่ให้แรงม้าสูงกว่าอย่างเครื่องยนต์ของ Honeywell
HTS900-2 ซึ่งจะให้แรงม้าสูงสุดถึง 950 แรงม้า มากกว่าเครื่อง Rolls-Royce Model
250-C30R/3รุ่นเก่าถึง 50 %
ส่วนความอยู่รอดจากการบินรบและการป้องกันตัวเองจากระบบอาวุธต่อต้านอากาศยาน
ของฝ่ายตรงข้าม เครื่อง OH-53 F
จะมีการเพิ่มเกราะเสริมป้องกันและติดตั้งอุปกรณ์ต่อต้านสงครามอิเล็กทรอนิกส์
พื้นลำตัวจะได้รับการติดตั้งแผ่นเกราะเพื่อป้องกันกระสุนต่อต้านอากาศยาน ขนาด 7.62
มิลลิเมตรของรัสเซียที่พวกตาลีบันนิยมใช้ และติดตั้งระบบ Common Missile Warning
System หรือ CMWS
โดยจะยิงแฟลร์เพื่อลวงให้ขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานให้หันเหทิศทางไปจากตัวเครืิ่องเฮลิคอปเตอร์
Bell OH-53 F Fox
เครื่องต้นแบบสำหรับการบินทดสอบจะเริ่มขึ้นบินเป็นครั้งแรกภายในปีพ.ศ.
2555.
เอกสารอ้างอิง ข้อมูลประกอบการเขียนจาก
TANGO Magazine April
2011
Arcom roumsuwan
E-Mail
Facebook http://www.facebook.com/chang.arcom
|