หน้า 2 จาก 2
นิสัยของเทสลาเองเป็นสาเหตุส่วนหนึ่งของความไร้ชื่อเสียงของเขา เทสลาไม่เหมือนกับเอดิสัน เวสติงเฮาส์ มาร์โคนี หรือมอร์แกน ตรงที่เขาไม่ได้เป็นเจ้าของบริษัทที่ช่วยอนุรักษ์ชื่อเสียงและเชิดชูผลงานต่อสาธารณชนตลอดมา หากคนทั่วไปจะจำเทสลาได้ พวกเขาก็จำได้แต่ในฐานะคนประหลาดที่เขียนบทความส่งหนังสือพิมพ์ (ด้วยหัวข้ออย่าง “คลื่นยักษ์ของเทสลาในการทำสงคราม”, “การนอนหลับด้วยไฟฟ้า”, “วิธีส่งสัญญาณไปดาวอังคาร” ฯลฯ) ...ในช่วงบั้นปลายชีวิต ๒๖ ปีสุดท้าย ภาพพจน์ของเขาในสายตาคนทั่วไปเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง คนเลิกมองเขาว่าเป็นวิศวกรผู้เก่งกาจ กลับมองว่าเขาเป็น “คนแก่สติเฟื่อง” ที่พยากรณ์ปาฏิหาริย์ต่างๆ ทั้งๆ ที่ข้อเท็จจริงที่ว่าปาฏิหาริย์ส่วนใหญ่ที่เทสลาพยากรณ์และเกิดขึ้นจริงๆ นั้นดูเหมือนจะไม่ช่วยให้ชื่อเสียงของเขาดีขึ้นเลย
ในวันเกิดครบรอบ ๗๕ ปี เทสลาขึ้นปกนิตยสาร Time ในขณะที่เขาพำนักฟรีอยู่ในโรงแรม Grosvoner Clinton ด้วยความเอื้อเฟื้อของผู้จัดการ ก่อนหน้านี้เขาถูกเชิญออกจากโรงแรมหลายแห่งเพราะไม่มีเงินจ่ายค่าห้อง หลังจากเหตุการณ์นี้เขาต้องอพยพออกจากโรงแรม Grosvoner Clinton และยอมทิ้งสัมภาระไว้เป็นค่าห้องแทน วิกฤตเศรษฐกิจ (Great Depression) ในอเมริกาช่วงนั้นซ้ำเติมให้เทสลามีปัญหาการเงินมากกว่าเดิม เขาพบ “บ้าน” ที่จะอาศัยอยู่ไปชั่วชีวิตก็ต่อเมื่อรัฐบาลยูโกสลาเวียรู้สึกสงสารพลเมืองที่โด่งดังที่สุดของประเทศ เลยอนุมัติเงินบำนาญให้เทสลาจำนวน ๗,๒๐๐ เหรียญสหรัฐต่อปี แต่ถึงกระนั้นเทสลาก็ยังต้องย้ายโรงแรมบ่อยครั้ง เพราะเขาชอบให้อาหารนกบนโต๊ะ ทำให้มีนกพิราบบินเข้ามาในห้องอยู่เสมอ
เป็นเรื่องน่าเสียดายที่เทสลาไม่เคยตีพิมพ์ทฤษฎีแรงโน้มถ่วงที่มีพลวัตของเขา องค์ความรู้ที่เรามีเกี่ยวกับแรงโน้มถ่วงในปัจจุบันบอกว่า เมื่อวัตถุหนักเคลื่อนที่ มันจะแผ่คลื่นแรงโน้มถ่วง (gravity wave) ออกมา ซึ่งมีความเร็วเท่ากับความเร็วแสง คลื่นแรงโน้มถ่วงนี้มีคุณสมบัติคล้ายกันกับคลื่นชนิดอื่นๆ อีกหลายชนิด สิ่งประดิษฐ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเทสลาล้วนตั้งอยู่บนองค์ความรู้เกี่ยวกับคลื่น เขาเชื่อมั่นว่า เสียง แสง ความร้อน รังสีเอกซเรย์ และคลื่นวิทยุ ล้วนเป็นคลื่นที่เกี่ยวข้องกัน และเราสามารถค้นคว้าได้ด้วยสมการคณิตศาสตร์ประเภทเดียวกัน ความเห็นของเทสลาที่ไม่ตรงกันกับไอน์สไตน์สะท้อนให้เห็นว่าเขาได้ขยายแนวคิดนี้ไปสู่แรงโน้มถ่วงด้วย
ขึ้นปกนิตยสาร Time
ศูนย์ HAARP ในมลรัฐอะแลสกา
ในทศวรรษ ๑๙๘๐ ความคิดของเทสลาได้รับการพิสูจน์ว่าถูกต้อง ผลการวิจัยเรื่องการสูญเสียพลังงานในพัลซาร์ดาวคู่นิวตรอน (double neutron star pulsar) ชื่อ PSR 1913+16 พิสูจน์ว่าคลื่นแรงโน้มถ่วงมีอยู่จริง ตอนนี้นักวิทยาศาสตร์ให้ความสนใจกับความคิดของเทสลาที่ว่า แรงโน้มถ่วงเป็นสนามพลัง มากกว่าที่ไอน์สไตน์ให้ความสนใจ โชคร้ายที่เทสลาไม่เคยอธิบายว่าอะไรทำให้เขาสรุปแบบนี้ และไม่เคยอธิบายทฤษฎีแรงโน้มถ่วงของเขาให้โลกรู้ การโจมตีงานของไอน์สไตน์ทำให้แวดวงวิทยาศาสตร์ตอนนั้นโจมตีเทสลาอย่างมหาศาล เราเพิ่งจะเข้าใจแรงโน้มถ่วงมากพอที่จะระลึกได้ว่าความคิดของเทสลานั้นถูกต้องเมื่อไม่นานมานี้เอง
ในปี ๑๙๔๐ หลังวันเกิดครบรอบ ๘๔ ปีไม่กี่วัน เทสลาให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ The New York Times ฉบับวันที่ ๒๒ กันยายน ค.ศ. ๑๙๔๐ ว่า “...เขาพร้อมที่จะเปิดเผยความลับเกี่ยวกับพลัง ‘โทรกำลัง’ (teleforce) ต่อรัฐบาลสหรัฐอเมริกา พลังนี้มีอานุภาพหลอมละลายเครื่องยนต์ของเครื่องบินจากระยะไกลถึง ๒๕๐ ไมล์ ทำให้สามารถสร้างแนวกำแพงป้องกันรอบประเทศแบบกำแพงเมืองจีน แต่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า”
ไม่มีนักวิทยาศาสตร์ร่วมสมัยคนใดวิจารณ์บทความชิ้นนี้ กว่าจะถึงตอนนั้น ชื่อเสียงของเทสลาในฐานะคนอยากดังก็พุ่งสูงกว่าความสามารถของเขาที่จะทำให้คนเชื่อ และขณะที่ฮิตเลอร์กรีฑาทัพเข้ายุโรป ทุกคนก็มีเรื่องอื่นให้ปวดหัวมากกว่า
ในปีถัดมา สหรัฐอเมริกาเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ ๒ และเทสลาเองก็คงเป็นกังวลกับการที่ยูโกสลาเวีย ประเทศบ้านเกิดของเขา ได้พ่ายแพ้ต่อกองทัพเยอรมัน เทสลาต้องการยก “รังสีหายนะ” (Death Ray ชื่อที่หนังสือพิมพ์ขนานนามขีปนาวุธ “โทรกำลัง” ของเขา) ให้แก่รัฐบาลอเมริกัน เพื่อช่วยทั้งประเทศบุญธรรมและประเทศบ้านเกิดเมืองนอน ดังนั้น อีก ๒ ปีต่อมาคือปี ๑๙๔๓ เทสลาจึงโทรศัพท์ไปที่แผนกการสงครามสหรัฐฯ ขอคุยกับพันเอกเออร์สไกน์ (Colonel Erskine) เสนอยกความลับของขีปนาวุธ “โทรกำลัง” ทั้งหมดให้แก่รัฐบาล เออร์สไกน์ไม่รู้ว่าเทสลาคือใคร คิดว่าเขาเป็นแค่คนบ้าคนหนึ่ง เออร์สไกน์ให้สัญญากับเทสลาว่าจะติดต่อกลับ แล้วหลังจากนั้นเขาก็ลืมสนิท นั่นคือครั้งสุดท้ายที่เทสลาติดต่อกับโลกภายนอก ถึงตอนนี้เขาล้มป่วยอย่างรุนแรง หัวใจที่อ่อนแอของเขาทำให้เกิดอาการเวียนหัวบ่อยครั้ง ตอนนั้นเทสลาพักอยู่ในโรงแรม New Yorker ในเย็นวันที่ ๕ มกราคม วันเดียวกัน เทสลาแจ้งทางโรงแรมว่าไม่ต้องการให้ใครรบกวน แล้วหลังจากนั้นก็เข้านอน เขามักแจ้งพนักงานโรงแรมว่าไม่ให้ใครรบกวนเป็นช่วงๆ ช่วงละ ๒-๓ วัน แต่นั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่มีคนเห็นเขาขณะมีชีวิต
เหตุการณ์ต่อจากนั้นเกิดขึ้นเหมือนบทหนังเกรดบี เทสลาตายด้วยอาการหัวใจล้มเหลวระหว่างเย็นวันอังคารที่ ๕ มกราคม และเช้าวันศุกร์ที่ ๘ มกราคม พนักงานทำความสะอาดเป็นคนพบศพเขาในเช้าวันศุกร์ ญาติคนเดียวของเทสลาที่คนรู้จักคือหลานชายที่ชื่อ ซาวา โคซาโนวิช (Sava Kosanovich) นั้นเป็นผู้อพยพจากยูโกสลาเวียที่หลบหนีกองทัพเยอรมันมายังอเมริกา เขาก็เหมือนผู้อพยพอื่นๆ อีกหลายคน คืออยู่ภายใต้การสอดแนมของตำรวจเอฟบีไอในฐานะคนที่อาจเป็นสายลับของศัตรู
เย็นวันเดียวกัน พันเอกเออร์สไกน์แจ้งกับตำรวจเอฟบีไอว่าเทสลาตายแล้ว และบอกว่าหลานชายของเขาคือโคซาโนวิชยึดเอกสารต่างๆ ที่อาจใช้ในการทำสงครามกับรัฐบาลอเมริกันได้ เมื่อได้ยินดังนั้น เอฟบีไอจึงขอให้หน่วยพิทักษ์ทรัพย์สินคนต่างด้าว (Alien Property Custodian) รีบไปยึดทรัพย์สินต่างๆ ของเทสลา เนื่องจากเอฟบีไอกลัวว่าโคซาโนวิชจะนำความลับเกี่ยวกับอาวุธสงครามที่เทสลาออกแบบไปบอกศัตรู ประธานาธิบดี เจ. เอดการ์ ฮูเวอร์ (J. Edgar Hoover) ได้ส่งบันทึกไปยังเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ว่า เรื่องราวทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับ นิโคลา เทสลา ต้องถูกจัดการอย่างลับที่สุด และทุกฝ่ายต้องรักษาความลับของสิ่งประดิษฐ์ของเขาให้เป็นความลับตลอดไป
ด้วยเหตุนี้ งานทั้งชีวิตของเทสลาจึงถูกตีตรา “ลับที่สุด” และห้ามไม่ให้ใครอภิปรายเรื่องนี้อีกเลย
คงเป็นตลกร้ายที่รังสีหายนะของเทสลากลับกลายเป็นเรื่องจริง วงการวิทยาศาสตร์เพิ่งตามเขาทันเมื่อไม่กี่ปีนี้เอง ในปี ๑๙๙๓ กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เริ่มก่อสร้างศูนย์วิจัยไอโอโนสเฟียร์ (ionosphere คือชั้นบรรยากาศโลกที่ความสูงตั้งแต่ ๗๐-๕๐๐ กิโลเมตร) ในเมืองกาโคนา มลรัฐอะแลสกา ศูนย์นี้มีชื่อว่า HAARP (High Frequency Active Auroral Research Program) ได้รับความร่วมมือจากมหาวิทยาลัยหลายแห่ง อาทิ อะแลสกา สแตนฟอร์ด คอร์แนลล์ ยูซีแอลเอ และเอ็มไอที ในการดำเนินโครงการเพื่อศึกษาคุณสมบัติการสะท้อน (resonant properties) ของโลกและชั้นบรรยากาศโลก โครงการนี้มีความเกี่ยวโยงกับงานของเทสลาอย่างชัดเจน กล่าวคือ HAARP กำลังศึกษาปรากฏการณ์เดียวกันกับที่เทสลาค้นคว้าที่โคโลราโดเมื่อกว่า ๑๐๐ ปีก่อน
ฉะนั้น เทสลาจึงมีเรื่องให้ “หัวเราะทีหลังดังกว่า” ถึง ๒ ข้อด้วยกัน ข้อแรกคือ รัฐบาลได้สร้าง “โทรกำลัง” ของเขาขึ้นมาจริงๆ และข้อสอง เขาเป็นผู้ชนะในสงครามสิทธิบัตรกับมาร์โคนี หลังจากเขาตายไปแล้ว ๖ เดือน เมื่อคำตัดสินของศาลสูงอเมริกายืนยันว่า นิโคลา เทสลา เป็นผู้ประดิษฐ์วิทยุเป็นคนแรกของโลก ไม่ใช่มาร์โคนี อย่างไรก็ตาม นั่นเป็นชัยชนะที่ว่างเปล่า เพราะสิทธิบัตรทั้งสองได้หมดอายุไปแล้ว นักประดิษฐ์ทั้งคู่ก็ตายไปแล้ว และก็ไม่มีใครคุยกันเรื่องนี้ได้เพราะรัฐบาลมีคำสั่ง “ลับที่สุด” ห้ามทุกคนพูดถึงงานของเทสลา
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากห่วงโซ่เหตุการณ์ที่น่าเศร้าดังกล่าวคือ ผู้ทำประโยชน์มหาศาลให้แก่มนุษยชาติคนหนึ่งต้องกลายเป็นบุคคลที่โลกลืม เทสลาตายแบบเดียวกับที่เขาใช้ชีวิตในบั้นปลายอย่างเดียวดาย ว้าเหว่ และลับที่สุด กลายเป็นคนลึกลับนานหลายปีเพียงเพราะยื่นข้อเสนอที่น่าตกใจต่อรัฐบาลอเมริกันในบั้นปลายชีวิต งานทั้งหมดของเขาถูกตีตรา “ลับที่สุด” จนกระทั่งเวลาผ่านไปเกือบ ๑๐๐ ปี
เทสลาเป็นนักวิทยาศาสตร์ผู้ชาญฉลาดอย่างน่าอัศจรรย์ใจ เป็นนักทำนายที่มองเห็นอนาคตได้จริง แต่ไม่ได้รับการเหลียวแลตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ เขาเป็นปัจเจกชนที่เอาแต่ใจตัวเสียจนไม่เคยมีความสัมพันธ์อย่างลึกซึ้งกับใคร เข้าสังคมไม่เป็น ปฏิเสธที่จะมีความสัมพันธ์กับเพศตรงข้ามและไม่ยอมแตะเนื้อต้องตัวใคร แม้กระทั่งจับมือทักทายคน (ด้วยการโกหกว่ามือของเขาได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุในห้องทดลอง) มีนิสัยเพี้ยนๆ มากมาย เช่น เชื่อว่าตัวเองมีพลังจิต ทำสิ่งต่างๆ ซ้ำซากในจำนวนครั้งที่หารด้วย ๓ ลงตัว (ตัวเลขที่เขาชอบเป็นพิเศษคือ ๒๗ เพราะเท่ากับ ๓๓) แต่ในขณะเดียวกันเขาก็เป็นคนที่มีวัฒนธรรมสูงส่ง เทสลาพูดได้หลายภาษาและอ่านหนังสืออย่างกว้างขวาง
เมื่อไรก็ตามที่คุณเห็นเสาไฟฟ้าแรงสูงที่ส่งพลังงานมาบันดาลให้ชีวิตสมัยใหม่ของคุณเป็นจริง ลองซุกมือข้างหนึ่งไว้ในกระเป๋า ใช้เวลาอึดใจหนึ่งขอบคุณผู้มอบสิ่งนั้นให้แก่คุณ--นิโคลา เทสลา คน (ไม่) สำคัญผู้ว้าเหว่ พูดมาก หมกมุ่น และปราดเปรื่อง ผู้ใฝ่ฝันถึงการแปลงโลกทั้งใบให้เป็นสื่อนำไฟฟ้า ทุกคนจะได้ใช้ไฟฟ้าอย่างเสรี ผู้อุทิศชีวิตให้แก่การไล่ตามความฝันนี้อย่างไม่ใส่ใจว่าจะได้รับอะไรตอบแทนหรือไม่
Views: 2575
Only registered users can write comments. Please login or register. Powered by AkoComment Tweaked Special Edition v.1.4.6 AkoComment © Copyright 2004 by Arthur Konze - www.mamboportal.com All right reserved
<< หน้าแรก < ย้อนกลับ 1 2 หน้าถัดไป > หน้าสุดท้าย >> |