ไมโครเวฟ เป็นสนามของพลังงานไฟฟ้า และพลังงานแม่เหล็กอยู่ด้วยกัน จึงจัดเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความเร็วเท่ากับความเร็วแสง มีการแผ่รังสีเหมือนแสง แต่มีพลังงานน้อยกว่า เคลื่อนที่ในรูปแบบคลื่น ดังนั้นไมโครเวฟจึงสะท้อนไปมา ถูกส่งผ่านหรือดูดกลืนได้โดยขึ้นกับสารที่ไมโครเวฟทำปฏิกริยาด้วย
หลักการทำงานอาศัยน้ำซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของชิ้นอาหาร เพราะน้ำเป็นโมเลกุลชนิดมีขั้วบวกที่ปลายด้านหนึ่ง โมเลกุลของน้ำในอาหารจะจัดเรียงตัวอย่างไม่เป็นระเบียบ เมื่อนำขิ้นอาหารใส่ภาชนะวางไว้ในเตาอบและปิดเครื่อง ทำให้เกิดไมเครเวฟในเตาอบ โมเลกุลของน้ำในอาหารจะเริ่มดูดกลืนไมโครเวฟ สนามของไมโครเวฟจะเกิดการสั่นเป็นจำนวนล้านๆครั้งใน 1 วินาที ขณะเดียวกันโมเลกุลของน้ำสั่นไปด้วยพร้อมๆกับเปลี่ยนตำแหน่งของโมเลกุลน้ำ ทำให้เกิดการจัดเรียงตัวของโมเลกุลให้เป็นระเบียบมากขึ้น การที่โมเลกุลของน้ำสั่นอย่างมากนี้ทำให้มีความร้อนเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็นผลให้อาหารร้อนมากขึ้นจนกระทั่งสุก
เมื่อเปรียบเทียบกับการปรุงอาหารโดยใช้เตาอบธรรมดา ความร้อนที่เกิดขึ้นจากเชื้อเพลิงไม่ว่าจะเป็นก๊าซหุงต้มหรือไฟฟ้า จะถูกส่งผ่านไปยังชิ้นอาหารโดยวิธีนำความร้อน ซึ่งหมายถึงอากาศรอบๆอาหารได้รับความร้อนก่อน แล้วความร้อนจะเคลื่อนที่ผ่านไปยังส่วนภายนอกหรือผิวอาหารเข้าไปยังเนื้อชั้นใน โดยที่โมเลกุลของอาหารไม่เคลื่อนที่ ในขณะที่เตาอบไมโครเวฟจะมีความร้อนเกิดขึ้นตรงบริเวณที่มีน้ำอยู่เท่านั้น ส่วนวัสดุที่บรรจุชิ้นอาหารอาจจะร้อนขึ้นได้บ้าง เนื่องจากการถ่ายเทความร้อนมาจากชิ้นอาหาร
นอกจากนี้การใช้จานรองชิ้นอาหารเข้าเตาไมโครเวฟ ต้องเป็นวัสดุที่ไม่ดูดคลื่นไมโครเวฟ เช่น แก้ว กระดาษ เซรามิก
ข้อมูลจาก น้าชาติ อธิบาย เตาไมโครเวปไว้ ที่
http://www.matichon.co.th/youth/youth.php?tagsub=031104&tag950=03you20190339&show=1สัญญานไมโครเวปหากน้อยๆก็คงไม่เป็นอันตราย นอกจากแรงมากๆ เหมือนไม้ขีดก้านเดียวคงไม่ทำให้น้ำ ตุ่มหนึ่งร้อนขึ้นมาได้ หากมากๆและนานๆก็คงเป็นอีกเรื่อง นะ
ที่มา วิชาการดอทคอม
http://www.vcharkarn.com/vcafe/10715/2