ponyotha
|
 |
« ตอบ #120 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 09, 2011, 05:51:30 pm » |
|
ผมนายวีรพล นุ่มน้อย เลขที่ 11 115330411014-7 วิศวกรรมโยธาต่อเนื่อง sce 4 วันที่ 09/02/2554 เวลา 17.50 น. อยู่เจริญแมนชั่น ปรากฎการณ์คอมป์ตัน (The compton effect) E = พลังงานจลน์รวมเริ่มต้นของโฟตอนก่อนชน หน่วยเป็น Kev E' = พลังงานจลน์ของโฟตอน ที่กระเจิง หน่วยเป็น Kev h = 6.62 x 10-34 จูล.วินาที c = 3 x 108 เมตร/วินาที่ Theta = มุมที่โฟตอนกระเจิง ปรากฏการณ์คอมป์ตันเป็นหลักฐานชัดเจนที่แสดงให้เห็นธรรมชาติของคลื่นแม่ไฟฟ้าว่า มีลักษณะเป็นอนุภาค ทั้งนี้คอมป์ตัน(A.H. Compton) ได้ศึกษาการกระเจิงของรังสีเอกซ์ โดยรังสีเอกซ์ทำอันตรกิริยากับอนุภาคเป้าแล้วเกิดการเบนของรังสีเอกซ์ หรือบางกรณีนอกจากการเบนรังสีแล้วความยาวคลื่นยัง
|
|
|
|
Phatcharee
|
 |
« ตอบ #121 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 09, 2011, 05:59:01 pm » |
|
นางสาวพัชรี มากพิ้ม เลขที่ 18 รหัส 115110903048-6 sec 02 เข้ามาตอบกระทู้วันที่ 9 /02/2554 เวลา 17.58น. สถานที่ บ้าน สรุปได้ว่า ........  ปรากฎการณ์คอมป์ตัน (The compton effect) E = พลังงานจลน์รวมเริ่มต้นของโฟตอนก่อนชน หน่วยเป็น Kev E' = พลังงานจลน์ของโฟตอน ที่กระเจิง หน่วยเป็น Kev h = 6.62 x 10-34 จูล.วินาที c = 3 x 108 เมตร/วินาที่ Theta = มุมที่โฟตอนกระเจิง ปรากฏการณ์คอมป์ตันเป็นหลักฐานชัดเจนที่แสดงให้เห็นธรรมชาติของคลื่นแม่ไฟฟ้าว่า มีลักษณะเป็นอนุภาค ทั้งนี้คอมป์ตัน(A.H. Compton) ได้ศึกษาการกระเจิงของรังสีเอกซ์ โดยรังสีเอกซ์ทำอันตรกิริยากับอนุภาคเป้าแล้วเกิดการเบนของรังสีเอกซ์ หรือบางกรณีนอกจากการเบนรังสีแล้วความยาวคลื่นยัง
|
|
|
|
somkid-3212
|
 |
« ตอบ #122 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 09, 2011, 06:06:31 pm » |
|
นาย สมคิด กุลสุวรรณ รหัส 115330411033-7 กลุ่ม CVE 53341 ในช่วงปี ค.ศ. 1892 – 1962 Arthur Holly Compton ได้ใช้แนวความคิดของไอน์สไตน์เรื่องโฟตอนเพื่ออธิบายการกระเจิงของคอมป์ตัน (Compton Scattering)nตามทฤษฎีแบบฉบับของคลื่นนั้นเมื่อคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าตกกระทบอิเล็กตรอน จะทำให้อิเล็กตรอนเกิดความเร่งและมีการแกว่งกวัดnแต่การทดลองของคอมป์ตันแสดงให้เห็นว่าเมื่อรังสีเอกซ์ตกกระทบกับอิเล็กตรอนรังสีเอกซ์จะกระเจิงในทิศต่างๆ 
|
|
|
|
Nhamtoey
|
 |
« ตอบ #123 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 09, 2011, 06:49:37 pm » |
|
นางสาวเรวดี จันท้าว ภาควิชาวิศวกรรมโยธา sec 04 รหัส 115330411006-3 เลขที่ 6 ตั้งกระทู้วันที่ 9/02/2554 เวลา 18.45น. ที่ หอพักโอนิน5
ปรากฏการณ์คอมป์ตันเป็นหลักฐานชัดเจนที่แสดงให้เห็นธรรมชาติของคลื่นแม่ไฟฟ้าว่า มีลักษณะเป็นอนุภาค ทั้งนี้คอมป์ตัน(A.H. Compton) ได้ศึกษาการกระเจิงของรังสีเอกซ์ โดยรังสีเอกซ์ทำอันตรกิริยากับอนุภาคเป้าแล้วเกิดการเบนของรังสีเอกซ์ หรือบางกรณีนอกจากการเบนรังสีแล้วความยาวคลื่นยังเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมด้วย กระบวนการนี้เรียนว่า การจระเจิง
|
|
|
|
shanonfe11
|
 |
« ตอบ #124 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 09, 2011, 06:58:30 pm » |
|
นายชานนท์ ชุมพร รหัส 115210417028-5 sec.02 เลขที่ 25 ณ หอฟ้าใสแมนชั่น ตอบกระทู้วันที่ 09/02/54 เวลา 18.59 น. ปรากฎการณ์คอมป์ตัน (The compton effect) E = พลังงานจลน์รวมเริ่มต้นของโฟตอนก่อนชน หน่วยเป็น Kev E' = พลังงานจลน์ของโฟตอน ที่กระเจิง หน่วยเป็น Kev h = 6.62 x 10-34 จูล.วินาที c = 3 x 108 เมตร/วินาที่ Theta = มุมที่โฟตอนกระเจิง ปรากฏการณ์คอมป์ตันเป็นหลักฐานชัดเจนที่แสดงให้เห็นธรรมชาติของคลื่นแม่ ไฟฟ้าว่า มีลักษณะเป็นอนุภาค ทั้งนี้คอมป์ตัน(A.H. Compton) ได้ศึกษาการกระเจิงของรังสีเอกซ์ โดยรังสีเอกซ์ทำอันตรกิริยากับอนุภาคเป้าแล้วเกิดการเบนของรังสีเอกซ์ หรือบางกรณีนอกจากการเบนรังสีแล้วความยาวคลื่นยังเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมด้วย กระบวนการนี้เรียนว่า การจระเจิง(scattering)
|
|
|
|
NISUMA
|
 |
« ตอบ #125 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 09, 2011, 07:28:21 pm » |
|
นางสาวนิสุมา พรมนวล รหัส115110901010-8 เลขที่8 sec02 คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สาขาคณิตศาสตร์ เข้ามาตอบกระทู้วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2554 มีความเห็น การทดลองเสมือนเรื่อง ปรากฎการณ์คอมป์ตัน E = พลังงานจลน์รวมเริ่มต้นของโฟตอนก่อนชน หน่วยเป็น Kev E' = พลังงานจลน์ของโฟตอน ที่กระเจิง หน่วยเป็น Kev h = 6.62 x 10-34 จูล.วินาที c = 3 x 108 เมตร/วินาที่ Theta = มุมที่โฟตอนกระเจิง ปรากฏการณ์คอมป์ตันเป็นหลักฐานชัดเจนที่แสดงให้เห็นธรรมชาติของคลื่นแม่ไฟฟ้าว่า มีลักษณะเป็นอนุภาค ทั้งนี้คอมป์ตัน(A.H. Compton) ได้ศึกษาการกระเจิงของรังสีเอกซ์ โดยรังสีเอกซ์ทำอันตรกิริยากับอนุภาคเป้าแล้วเกิดการเบนของรังสีเอกซ์ หรือบางกรณีนอกจากการเบนรังสีแล้วความยาวคลื่นยังเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมด้วย กระบวนการนี้เรียนว่า การจระเจิง(scattering)
|
|
|
|
Meena
|
 |
« ตอบ #126 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 09, 2011, 07:47:20 pm » |
|
นายพสิษฐ์ แดงอาสา รหัส 115330411011-3 sec.4 วิศวกรรมโยธา วันที 9/2/54 เวลา 19.46 น. ณ บ้านเลขที่ 231/135
ปรากฎการณ์คอมป์ตัน (The compton effect) E = พลังงานจลน์รวมเริ่มต้นของโฟตอนก่อนชน หน่วยเป็น Kev E' = พลังงานจลน์ของโฟตอน ที่กระเจิง หน่วยเป็น Kev h = 6.62 x 10-34 จูล.วินาที c = 3 x 108 เมตร/วินาที่ Theta = มุมที่โฟตอนกระเจิง ปรากฏการณ์คอมป์ตันเป็นหลักฐานชัดเจนที่แสดงให้เห็นธรรมชาติของคลื่นแม่ไฟฟ้าว่า มีลักษณะเป็นอนุภาค ทั้งนี้คอมป์ตัน(A.H. Compton) ได้ศึกษาการกระเจิงของรังสีเอกซ์ โดยรังสีเอกซ์ทำอันตรกิริยากับอนุภาคเป้าแล้วเกิดการเบนของรังสีเอกซ์ หรือบางกรณีนอกจากการเบนรังสีแล้วความยาวคลื่นยังเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมด้วย กระบวนการนี้เรียนว่า การจระเจิง(scattering)
|
|
|
|
boatvivi
|
 |
« ตอบ #127 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 09, 2011, 08:15:15 pm » |
|
นางสาวณัฎฐพร ชื่นสมบัติ นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ sec 02 เลขที่ 1 เวลา 20.15น. วันที่ 9 ก.พ. 2554
ได้เข้ามาอ่านกระทู้นี้แล้วค่ะ
|
|
|
|
namwhan
|
 |
« ตอบ #128 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 09, 2011, 08:28:10 pm » |
|
นางสาวพรรณฐิณี โสภาวนัส เลขที่56 sec2 ตอบกระทุ้วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา 20.28 น รหัส 115109030334 ณ หอพักใน
ปรากฎการณ์คอมป์ตัน (The compton effect) E = พลังงานจลน์รวมเริ่มต้นของโฟตอนก่อนชน หน่วยเป็น Kev E' = พลังงานจลน์ของโฟตอน ที่กระเจิง หน่วยเป็น Kev h = 6.62 x 10-34 จูล.วินาที c = 3 x 108 เมตร/วินาที่ Theta = มุมที่โฟตอนกระเจิง ปรากฏการณ์คอมป์ตันเป็นหลักฐานชัดเจนที่แสดงให้เห็นธรรมชาติของคลื่นแม่ไฟฟ้าว่า มีลักษณะเป็นอนุภาค ทั้งนี้คอมป์ตัน(A.H. Compton) ได้ศึกษาการกระเจิงของรังสีเอกซ์ โดยรังสีเอกซ์ทำอันตรกิริยากับอนุภาคเป้าแล้วเกิดการเบนของรังสีเอกซ์ หรือบางกรณีนอกจากการเบนรังสีแล้วความยาวคลื่นยังเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมด้วย กระบวนการนี้เรียนว่า การจระเจิง(scattering)
|
|
|
|
00sunisa00
|
 |
« ตอบ #129 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 09, 2011, 08:45:45 pm » |
|
น.ส.สุนิศ่า ชมมิ sec.2 เลขที่ 46 115310903001-1 สาขาสถิติ วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา 20.41 น. ณ ร้านอินเตอร์เน็ต ปรากฏการณ์ควอมป์ตันเป็นหลักฐานชัดเจนที่แสดงให้เห็นธรรมชาติของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าว่า มีลักษณะเป็นอนุภาค ทั้งนี้ควอมป์ตัน(A.H. Compton) ได้ศึกษาการกระเจิงของรังสีเอกซ์ โดยรังสีเอกซ์ทำอันตรกิริยากับอนุภาคเป้าแล้วเกิดการเบนของรังสีเอกซ์ หรือบางกรณีนอกจากการเบนรังสีแล้วความยาวคลื่นยังเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมด้วย กระบวนการนี้เรียนว่า การจระเจิง
|
|
|
|
watcharich
|
 |
« ตอบ #130 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 09, 2011, 09:17:54 pm » |
|
ผมนายวัชริศ สุจินตกาวงศื คณะวิศวกรรมโยธา รหัส 115040411037-3 Sec 02 เลขที่ 4 เข้ามาตอบกระทู้วันที่ 9 ก.พ.54 เวลา 21.12 น. ที่บ้าน
สรุปว่า
ในช่วงปี ค.ศ. 1892 – 1962 Arthur Holly Compton ได้ใช้แนวความคิดของไอน์สไตน์เรื่องโฟตอนเพื่ออธิบายการกระเจิงของคอมป์ตัน (Compton Scattering) ตามทฤษฎีแบบฉบับของคลื่นนั้นเมื่อคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าตกกระทบอิเล็กตรอน จะทำให้อิเล็กตรอนเกิดความเร่งและมีการแกว่งกวัดnแต่การทดลองของคอมป์ตันแสดงให้เห็นว่าเมื่อรังสีเอกซ์ตกกระทบกับอิเล็กตรอนรังสีเอกซ์จะกระเจิงในทิศต่างๆ
|
|
|
|
kranjana
|
 |
« ตอบ #131 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 09, 2011, 11:55:12 pm » |
|
นางสาวกาญจนา แสงวงศ์ รหัส 115210904068-1 sec 2 เลขที่ 45 เข้ามาตอบกระทู้วันที่ 9/2/54 เวลา 23.54 ที่หอใน ปรากฎการณ์คอมป์ตัน (The compton effect) E = พลังงานจลน์รวมเริ่มต้นของโฟตอนก่อนชน หน่วยเป็น Kev E' = พลังงานจลน์ของโฟตอน ที่กระเจิง หน่วยเป็น Kev h = 6.62 x 10-34 จูล.วินาที c = 3 x 108 เมตร/วินาที่ Theta = มุมที่โฟตอนกระเจิง ปรากฏการณ์คอมป์ตันเป็นหลักฐานชัดเจนที่แสดงให้เห็นธรรมชาติของคลื่นแม่ไฟฟ้าว่า มีลักษณะเป็นอนุภาค ทั้งนี้คอมป์ตัน(A.H. Compton) ได้ศึกษาการกระเจิงของรังสีเอกซ์ โดยรังสีเอกซ์ทำอันตรกิริยากับอนุภาคเป้าแล้วเกิดการเบนของรังสีเอกซ์ หรือบางกรณีนอกจากการเบนรังสีแล้วความยาวคลื่นยังเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมด้วย กระบวนการนี้เรียนว่า การจระเจิง(scattering)
|
|
|
|
Kitiwat
|
 |
« ตอบ #132 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2011, 02:25:02 am » |
|
นายกิติวัฒน์ ศรประสิทธิ์ เลขที่ 24 รหัส 115330411030-3 วิศวกรรมโยธา sec 4 ปรากฎการณ์คอมป์ตัน (The compton effect) E = พลังงานจลน์รวมเริ่มต้นของโฟตอนก่อนชน หน่วยเป็น Kev E' = พลังงานจลน์ของโฟตอน ที่กระเจิง หน่วยเป็น Kev h = 6.62 x 10-34 จูล.วินาที c = 3 x 108 เมตร/วินาที่ Theta = มุมที่โฟตอนกระเจิง ปรากฏการณ์คอมป์ตันเป็นหลักฐานชัดเจนที่แสดงให้เห็นธรรมชาติของคลื่นแม่ไฟฟ้าว่า มีลักษณะเป็นอนุภาค ทั้งนี้คอมป์ตัน(A.H. Compton) ได้ศึกษาการกระเจิงของรังสีเอกซ์ โดยรังสีเอกซ์ทำอันตรกิริยากับอนุภาคเป้าแล้วเกิดการเบนของรังสีเอกซ์ หรือบางกรณีนอกจากการเบนรังสีแล้วความยาวคลื่นยังเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมด้วย กระบวนการนี้เรียนว่า การจระเจิง(scattering)
|
|
|
|
udomporn
|
 |
« ตอบ #133 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2011, 12:36:48 pm » |
|
นาย อุดมพร พวงสุวรรณ วิศวกรรมโยธา 115330411025-3 เลขที่ 19 sec.04 วันที่ 10/2/54 เวลา 12.36 ณ.ที่หอลากูน
ปรากฎการณ์คอมป์ตัน (The compton effect) E = พลังงานจลน์รวมเริ่มต้นของโฟตอนก่อนชน หน่วยเป็น Kev E' = พลังงานจลน์ของโฟตอน ที่กระเจิง หน่วยเป็น Kev h = 6.62 x 10-34 จูล.วินาที c = 3 x 108 เมตร/วินาที่ Theta = มุมที่โฟตอนกระเจิง ปรากฏการณ์คอมป์ตันเป็นหลักฐานชัดเจนที่แสดงให้เห็นธรรมชาติของคลื่นแม่ไฟฟ้าว่า มีลักษณะเป็นอนุภาค ทั้งนี้คอมป์ตัน(A.H. Compton) ได้ศึกษาการกระเจิงของรังสีเอกซ์ โดยรังสีเอกซ์ทำอันตรกิริยากับอนุภาคเป้าแล้วเกิดการเบนของรังสีเอกซ์ หรือบางกรณีนอกจากการเบนรังสีแล้วความยาวคลื่นยังเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมด้วย กระบวนการนี้เรียนว่า การจระเจิง(scattering)
|
|
|
|
sarayut sringam
|
 |
« ตอบ #134 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2011, 02:52:00 pm » |
|
กระผมนายศรายุธ สีงาม นศ.วิศวกรรมอุตสาหการ-การจัดการ sec 4 รหัส 115330441201-4 เรียนกับ ผศ.จรัส บุณยธรรมา เข้ามาตอบกระทู้วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2554 ที่ ตึกวิทยบริการ เวลา 14.51 น มีความคิดเห็นว่า ปรากฎการณ์คอมป์ตัน E = พลังงานจลน์รวมเริ่มต้นของโฟตอนก่อนชน หน่วยเป็น Kev E' = พลังงานจลน์ของโฟตอน ที่กระเจิง หน่วยเป็น Kev h = 6.62 x 10-34 จูล.วินาที c = 3 x 108 เมตร/วินาที่ Theta = มุมที่โฟตอนกระเจิง ปรากฏการณ์คอมป์ตันเป็นหลักฐานชัดเจนที่แสดงให้เห็นธรรมชาติของคลื่นแม่ไฟฟ้าว่า มีลักษณะเป็นอนุภาค ทั้งนี้คอมป์ตัน(A.H. Compton) ได้ศึกษาการกระเจิงของรังสีเอกซ์ โดยรังสีเอกซ์ทำอันตรกิริยากับอนุภาคเป้าแล้วเกิดการเบนของรังสีเอกซ์ หรือบางกรณีนอกจากการเบนรังสีแล้วความยาวคลื่นยังเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมด้วย กระบวนการนี้เรียนว่า การจระเจิง(scattering)
|
|
|
|
ศราวุธ พูลทรัพย์
|
 |
« ตอบ #135 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2011, 03:00:07 pm » |
|
กระผมนายศราวุธ พูลทรัพย์ นักศึกษาภาควิชาวิศวกรรมโยธา รหัส 115330411042-8 เลขที่ 35 sec 04 เรียนกับอาจารย์จรัส บุณยธรรมา ตอบกระทู้นี้ที่หอลากูล วันที่ 10/2/2554 เวลา 15.00 น. ปรากฎการณ์ของคอมตันป์เป็นหลักฐานที่ชัดที่แสดงให้เห็นธรรมชาติของคลื่น แม่เหล็กไฟฟ้า ว่า มีลักษณะเป็นอนุภาคทั้งนี้คอมตัน ได้ศึกษาการกระเจิงของรังสีเอกซ์ โยที่ให้รังสีเอกซ์ทำอัตรากิริยา กับอนุภาคแล้วเกิดการเบนของรังสีเอกซ์
|
|
|
|
oOGIG...k}
|
 |
« ตอบ #136 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2011, 04:59:55 pm » |
|
ผมนายชำนาญกิจ ศิริยานนท์ รหัส 115330411004-8 เลขที่ 4 sec.4 วิศวกรรมโยธา เวลา 04:59:46 pm วันที่ 10/2/54
E = พลังงานจลน์รวมเริ่มต้นของโฟตอนก่อนชน หน่วยเป็น Kev E' = พลังงานจลน์ของโฟตอน ที่กระเจิง หน่วยเป็น Kev h = 6.62 x 10-34 จูล.วินาที c = 3 x 108 เมตร/วินาที่ Theta = มุมที่โฟตอนกระเจิง ปรากฏการณ์คอมป์ตันเป็นหลักฐานชัดเจนที่แสดงให้เห็นธรรมชาติของคลื่นแม่ไฟฟ้าว่า มีลักษณะเป็นอนุภาค ทั้งนี้คอมป์ตัน(A.H. Compton) ได้ศึกษาการกระเจิงของรังสีเอกซ์ โดยรังสีเอกซ์ทำอันตรกิริยากับอนุภาคเป้าแล้วเกิดการเบนของรังสีเอกซ์ หรือบางกรณีนอกจากการเบนรังสีแล้วความยาวคลื่นยังเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมด้วย กระบวนการนี้เรียนว่า การจระเจิง(scattering)
|
|
|
|
PoxyDonZ
|
 |
« ตอบ #137 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2011, 05:39:39 pm » |
|
นาย สุรศักดิ์ ด้วงใจจิตร รหัส 115330411036-0 วิศวกรรมโยธา เวลา 05.40 pm. วันที่ 10 ก.พ. 54 สถานที่ หอร์ โฟร์บี 2
E = พลังงานจลน์รวมเริ่มต้นของโฟตอนก่อนชน หน่วยเป็น Kev E' = พลังงานจลน์ของโฟตอน ที่กระเจิง หน่วยเป็น Kev h = 6.62 x 10-34 จูล.วินาที c = 3 x 108 เมตร/วินาที่ Theta = มุมที่โฟตอนกระเจิง ปรากฏการณ์คอมป์ตันเป็นหลักฐานชัดเจนที่แสดงให้เห็นธรรมชาติของคลื่นแม่ไฟฟ้าว่า มีลักษณะเป็นอนุภาค ทั้งนี้คอมป์ตัน(A.H. Compton) ได้ศึกษาการกระเจิงของรังสีเอกซ์ โดยรังสีเอกซ์ทำอันตรกิริยากับอนุภาคเป้าแล้วเกิดการเบนของรังสีเอกซ์ หรือบางกรณีนอกจากการเบนรังสีแล้วความยาวคลื่นยังเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมด้วย กระบวนการนี้เรียนว่า การจระเจิง(scattering) แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Pichat Soysamrong
|
 |
« ตอบ #138 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2011, 05:41:09 pm » |
|
กระผม นาย พิเชษฐ์ สร้อยสำโรง นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ ภาควิชาวิศวกรรมโยธา sec. 04 รหัสประจำตัว 115330411003-0 เลขที่ 3 เรียนกับอาจารย์ ผศ.จรัส บุณยธรรมา เข้ามาตอบกระทู้วันที่ 10 เดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554 ที่ เศรษฐบุตร พาวิลเลี่ยน 32/19 ม. 1 ต. คลองหก อ. คลองหลวง จ. ปทุมธานี เวลา 17.40 น. สรุปได้ว่า E = พลังงานจลน์รวมเริ่มต้นของโฟตอนก่อนชน หน่วยเป็น Kev E' = พลังงานจลน์ของโฟตอน ที่กระเจิง หน่วยเป็น Kev h = 6.62 x 10-34 จูล.วินาที c = 3 x 108 เมตร/วินาที่ Theta = มุมที่โฟตอนกระเจิง ปรากฏการณ์คอมป์ตันเป็นหลักฐานชัดเจนที่แสดงให้เห็นธรรมชาติของคลื่นแม่ไฟฟ้าว่า มีลักษณะเป็นอนุภาค ทั้งนี้คอมป์ตัน(A.H. Compton) ได้ศึกษาการกระเจิงของรังสีเอกซ์ โดยรังสีเอกซ์ทำอันตรกิริยากับอนุภาคเป้าแล้วเกิดการเบนของรังสีเอกซ์ หรือบางกรณีนอกจากการเบนรังสีแล้วความยาวคลื่นยังเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมด้วย กระบวนการนี้เรียนว่า การจระเจิง(scattering)
|
|
|
|
potchapon031
|
 |
« ตอบ #139 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2011, 06:09:00 pm » |
|
นาย ภชพน เกตุวงศ์ เลขที่ 25 รหัส 115330411031-1 sec.04 วันที่ 10/02/2554 วิศวกรรมโยธา เรียนกับอาจารย์ จรัส บุณญธรรมา สถานที่ กิตติพงศ์ แมนชั่น เวลา 18.07 น.
ปรากฎการณ์คอมป์ตัน (The compton effect) E = พลังงานจลน์รวมเริ่มต้นของโฟตอนก่อนชน หน่วยเป็น Kev E' = พลังงานจลน์ของโฟตอน ที่กระเจิง หน่วยเป็น Kev h = 6.62 x 10-34 จูล.วินาที c = 3 x 108 เมตร/วินาที่ Theta = มุมที่โฟตอนกระเจิง ปรากฏการณ์คอมป์ตันเป็นหลักฐานชัดเจนที่แสดงให้เห็นธรรมชาติของคลื่นแม่ไฟฟ้าว่า มีลักษณะเป็นอนุภาค ทั้งนี้คอมป์ตัน(A.H. Compton) ได้ศึกษาการกระเจิงของรังสีเอกซ์ โดยรังสีเอกซ์ทำอันตรกิริยากับอนุภาคเป้าแล้วเกิดการเบนของรังสีเอกซ์ หรือบางกรณีนอกจากการเบนรังสีแล้วความยาวคลื่นยังเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมด้วย กระบวนการนี้เรียนว่า การจระเจิง(scattering
|
|
|
|
suppachok
|
 |
« ตอบ #140 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2011, 06:17:54 pm » |
|
นายศุภโชค เปรมกิจ สาขาวิศวกรรมโยธา sec.04 เลขที่ 44 เข้ามาโพสท์ วันที่ 09/02/54 เวลา 18.19 น. สถานที่ วิทยบริการ ในช่วงปี ค.ศ. 1892 – 1962 Arthur Holly Compton ได้ใช้แนวความคิดของไอน์สไตน์เรื่องโฟตอนเพื่ออธิบายการกระเจิงของคอมป์ตัน (Compton Scattering)nตามทฤษฎีแบบฉบับของคลื่นนั้นเมื่อคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าตกกระทบอิเล็กตรอน จะทำให้อิเล็กตรอนเกิดความเร่งและมีการแกว่งกวัดnแต่การทดลองของคอมป์ตันแสดงให้เห็นว่าเมื่อรังสีเอกซ์ตกกระทบกับอิเล็กตรอนรังสีเอกซ์จะกระเจิงในทิศต่างๆ
|
|
|
|
suppachok
|
 |
« ตอบ #141 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2011, 06:20:00 pm » |
|
กระผม นาย ศุภโชค เปรมกิจ นักศึกษาคณะวิศวกรรมโยธาต่อเนื่อง เลขที่ 44 sec. 4 รหัสประจำตัว 115330411051-9 เรียนกับอาจารย์ จรัส บุณยธรรมา เข้ามาตอบกระทู้วันที่ 09/02/2554 ที่ วิทยบริการ เวลา. 18.22 น มีความเห็น การทดลองเสมือนเรื่อง ปรากฎการณ์คอมป์ตัน E = พลังงานจลน์รวมเริ่มต้นของโฟตอนก่อนชน หน่วยเป็น Kev E' = พลังงานจลน์ของโฟตอน ที่กระเจิง หน่วยเป็น Kev h = 6.62 x 10-34 จูล.วินาที c = 3 x 108 เมตร/วินาที่ Theta = มุมที่โฟตอนกระเจิง ปรากฏการณ์คอมป์ตันเป็นหลักฐานชัดเจนที่แสดงให้เห็นธรรมชาติของคลื่นแม่ไฟฟ้าว่า มีลักษณะเป็นอนุภาค ทั้งนี้คอมป์ตัน(A.H. Compton) ได้ศึกษาการกระเจิงของรังสีเอกซ์ โดยรังสีเอกซ์ทำอันตรกิริยากับอนุภาคเป้าแล้วเกิดการเบนของรังสีเอกซ์ หรือบางกรณีนอกจากการเบนรังสีแล้วความยาวคลื่นยังเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมด้วย กระบวนการนี้เรียนว่า การจระเจิง(scattering)
|
|
|
|
Thamanoon
|
 |
« ตอบ #142 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2011, 06:26:34 pm » |
|
ผมนายธรรมนูญ พุทธวงษ์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมโยธา sec 04 รหัส 115330411009-7 เลขที่ 9 เรียนกับ อ. จรัส บุณยธรรมา เข้ามาตอบกระทู้วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2554 ที่บ้านเช่า ซอยอีสเทิร์น เวลา 18.26 น. มีความเห็นว่า ปรากฎการณ์คอมป์ตัน E = พลังงานจลน์รวมเริ่มต้นของโปตรอนก่อนชน หน่วยเป็น Kev E' = พลังงานจลน์ของโปตรอน ที่กระเจิง หน่วยเป็น Kev h = 6.62 x 10-34 จูล.วินาที c = 3 x 108 เมตร/วินาที่ Theta = มุมที่โปตรอนกระเจิง ปรากฏการณ์ควอมป์ตันเป็นหลักฐานชัดเจนที่แสดงให้เห็นธรรมชาติของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าว่า มีลักษณะเป็นอนุภาค ทั้งนี้ควอมป์ตัน(A.H. Compton) ได้ศึกษาการกระเจิงของรังสีเอกซ์ โดยรังสีเอกซ์ทำอันตรกิริยากับอนุภาคเป้าแล้วเกิดการเบนของรังสีเอกซ์ หรือบางกรณีนอก จากการเบนรังสีแล้วความยาวคลื่นยังเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมด้วย กระบวนการนี้เรียนว่า การจระเจิง
|
|
|
|
kangsachit
|
 |
« ตอบ #143 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 11, 2011, 02:23:44 am » |
|
นายกังสชิต จิโน รหัส115330411017-0 นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาตร์ สาขาวิศวกรรมโยธา เลขที่ 14 sec.4 เรียนกับอาจารย์ จรัส บุณยธรรมา วันที่ 11/02/2554 เวลา 02.23 น. สถานที่ มาลีแมนชั่น ปรากฎการณ์คอมป์ตัน E = พลังงานจลน์รวมเริ่มต้นของโปตรอนก่อนชน หน่วยเป็น Kev E' = พลังงานจลน์ของโปตรอน ที่กระเจิง หน่วยเป็น Kev h = 6.62 x 10-34 จูล.วินาที c = 3 x 108 เมตร/วินาที่ Theta = มุมที่โปตรอนกระเจิง ปรากฏการณ์ควอมป์ตันเป็นหลักฐานชัดเจนที่แสดงให้เห็นธรรมชาติของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าว่า มีลักษณะเป็นอนุภาค ทั้งนี้ควอมป์ตัน(A.H. Compton) ได้ศึกษาการกระเจิงของรังสีเอกซ์ โดยรังสีเอกซ์ทำอันตรกิริยากับอนุภาคเป้าแล้วเกิดการเบนของรังสีเอกซ์ หรือบางกรณีนอก จากการเบนรังสีแล้วความยาวคลื่นยังเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมด้วย กระบวนการนี้เรียนว่า การกระเจิง
|
|
|
|
aek cve rmutt
|
 |
« ตอบ #144 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 11, 2011, 03:15:49 am » |
|
นาย เอกชัย เสียงล้ำ 115330411046-9 sec 4 วิศวกรรมโยธา กลุ่ม 53341 เวลา 3.15 E = พลังงานจลน์รวมเริ่มต้นของโฟตอนก่อนชน หน่วยเป็น Kev E' = พลังงานจลน์ของโฟตอน ที่กระเจิง หน่วยเป็น Kev h = 6.62 x 10-34 จูล.วินาที c = 3 x 108 เมตร/วินาที่ Theta = มุมที่โฟตอนกระเจิง ปรากฏการณ์คอมป์ตันเป็นหลักฐานชัดเจนที่แสดงให้เห็นธรรมชาติของคลื่นแม่ไฟฟ้าว่า มีลักษณะเป็นอนุภาค ทั้งนี้คอมป์ตัน(A.H. Compton) ได้ศึกษาการกระเจิงของรังสีเอกซ์ โดยรังสีเอกซ์ทำอันตรกิริยากับอนุภาคเป้าแล้วเกิดการเบนของรังสีเอกซ์ หรือบางกรณีนอกจากการเบนรังสีแล้วความยาวคลื่นยังเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมด้วย กระบวน
|
|
|
|
pisan mulchaisuk
|
 |
« ตอบ #145 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 11, 2011, 07:16:46 am » |
|
กอาจารย์ จรัส ระผมนาย ไพศาล มูลชัยสุข นศ.คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมอุตสาหการ-การจัดการ รหัสนักศึกษา 115330441215-4 Sec.04 เรียนกับบุณยธรรมา ตอบกระทู้วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา 7.116 น. ที่หอพักเลิศวิจิตร มีความคิดเห็นว่า E = พลังงานจลน์รวมเริ่มต้นของโฟตอนก่อนชน หน่วยเป็น Kev E' = พลังงานจลน์ของโฟตอน ที่กระเจิง หน่วยเป็น Kev h = 6.62 x 10-34 จูล.วินาที c = 3 x 108 เมตร/วินาที่ Theta = มุมที่โฟตอนกระเจิง ปรากฏการณ์คอมป์ตันเป็นหลักฐานชัดเจนที่แสดงให้เห็นธรรมชาติของคลื่นแม่ไฟฟ้าว่า มีลักษณะเป็นอนุภาค ทั้งนี้คอมป์ตัน(A.H. Compton) ได้ศึกษาการกระเจิงของรังสีเอกซ์ โดยรังสีเอกซ์ทำอันตรกิริยากับอนุภาคเป้าแล้วเกิดการเบนของรังสีเอกซ์ หรือบางกรณีนอกจากการเบนรังสีแล้วความยาวคลื่นยังเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมด้วย กระบวนการนี้เรียนว่า การจระเจิง(scattering)
|
|
|
|
mypomz
|
 |
« ตอบ #146 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 11, 2011, 09:45:05 am » |
|
นายนพรัตน์ โตอิ่ม คณะวิศวกรรมโยธา รหัส 115330411040-2 เลขที่ 33 sec 4 ตอบกระทู้วันที่ 11 ก.พ. 54 เวลา 9.45 สถานที่ หอพัก
เข้ามาตอบกระทู้วันที่ 22 เดือน มกราคม พ.ศ. 2554 ที่ หอพักโฟ บี 4 เวลา. 9.49 น มีความเห็น การทดลองเสมือนเรื่อง ปรากฎการณ์คอมป์ตัน E = พลังงานจลน์รวมเริ่มต้นของโฟตอนก่อนชน หน่วยเป็น Kev E' = พลังงานจลน์ของโฟตอน ที่กระเจิง หน่วยเป็น Kev h = 6.62 x 10-34 จูล.วินาที c = 3 x 108 เมตร/วินาที่ Theta = มุมที่โฟตอนกระเจิง ปรากฏการณ์คอมป์ตันเป็นหลักฐานชัดเจนที่แสดงให้เห็นธรรมชาติของคลื่นแม่ไฟฟ้าว่า มีลักษณะเป็นอนุภาค ทั้งนี้คอมป์ตัน(A.H. Compton) ได้ศึกษาการกระเจิงของรังสีเอกซ์ โดยรังสีเอกซ์ทำอันตรกิริยากับอนุภาคเป้าแล้วเกิดการเบนของรังสีเอกซ์ หรือบางกรณีนอกจากการเบนรังสีแล้วความยาวคลื่นยังเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมด้วย กระบวนการนี้เรียนว่า การจระเจิง(scattering)
|
|
|
|
|