pollavat
|
 |
« ตอบ #60 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 02, 2011, 09:27:46 am » |
|
นายพลวัฒน์ คำกุณา คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมอุตหสาหการ-การจัดการ sec04 รหัสประจำตัว115330441219-6 เรียนกับอาจารย์ จรัส บุณยธรรมมา เข้ามาตอบกระทู้เมื่อ วันที่ 2 เดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ 2554 เวลา 09:27 น. สถานที่ หอพักZoom มีความคิดเห็นว่า: ค.ศ.1887 เฮิร์ต (Hertz) ได้ทดลองฉายรังสีอุลตราไวโอเล็ตไปกระทบบนผิวโลหะ พบว่าอิเล็กตรอนอิสระที่โลหะนั้นเรียกอิเล็กตรอนนี้ว่า โฟโตอิเล็กตรอน เมื่อเฮิร์ตเปลี่ยนความถี่ของแสงที่ฉายตกกระทบบนโลหะพบว่า เมื่อลดความถี่ของรังสีให้น้อยลงถึงค่าหนึ่งซึ่งพอดีที่จะทำให้อิเล็กตรอนในอะตอมหลุดเป็นอิสระได้ ถ้าความถี่น้อยกว่าค่าค่านี้จะไม่เกิดโฟโตอิเล็กตรอนขึ้น ความถี่นี้เรียกว่า ความถี่ขีดเริ่ม (threshold frequency) เมื่อเพิ่มความถี่ให้สูงขึ้นพบว่าโฟโตอิเล็กตรอนจะมีพลังงานมากขึ้น
|
|
|
|
siwasit ridmahan
|
 |
« ตอบ #61 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 02, 2011, 01:32:08 pm » |
|
นาย สิวะสิทธิ์ ฤทธิ์มะหันต์ นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขา วิศวกรรมอุตสาหการ-การจัดการ รหัส 115340441244-3 เลขที่ 33 sec.17 เรียนกับ อาจารย์จรัส บุณยธรรมา เข้ามาตอบกระทู้ วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา 13.32 น. ณ หอพัก
ปรากฏการณ์ที่แสงความถี่สูงๆเมื่อฉายไปยังโลหะ ทำให้โลหะสูญเสียประจุเรียกว่า photoelectric effect. ปรากฏการณ์ นี้จะเกิดขึ้นกับโลหะหลายชนิดถ้าความยาวคลื่นของแสงไม่มากเกินไป สำหรับโลหะแต่ละชนิดจะมีขีดจำกัดของความยาวคลื่นของแสงที่จะไม่ทำให้เกิด ปรากฏการณ์นี้ได้เลยไม่ว่าแสงจะมีความเข้มสูงสักเท่าไรก็ตาม ปรากฏการณ์นี้สร้างความฉงนให้กับนักวิทยาศาสตร์อยู่ระยะหนึ่ง อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์เป็นผู้อธิบายได้เมื่อปี 1905 โดยอธิบายว่า : แสงประกอบด้วยอนุภาคที่เรียกว่าโฟตอน (photons) พลังงานของโฟตอนมีค่าเป็นสัดส่วนโดยตรงความถี่ของแสง ในการทำให้อีเล็กตรอนหลุดจากผิวโลหะต้องใช้พลังงานจำนวนหนึ่งซึ่งขึ้นกับ ชนิดของโลหะ เรียกว่าฟังก์ชันงาน (work function) ถ้าพลังงานของโฟตอนมากกว่านี้ก็จะสามารถทำให้อีเล็กตรอนหลุดจากผิวโลหะได้
|
|
|
|
Kitti_CVE2
|
 |
« ตอบ #62 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 02, 2011, 04:04:57 pm » |
|
กระผม นาย กิตติ จิตนันทกุล นักศึกษาคณะ วิศวกรรมโยธา sec 17 เลขที่ 8 รหัสประจำตัว 115340411113-6 เรียนกับอาจารย์ จรัส บุญยธรรมา ตอบเมื่อวันที่ 02/02/54 เวลา 16.03 น. ณ.ที่ทำงาน
ปรากฏการณ์ที่แสงความถี่สูงๆเมื่อฉายไปยังโลหะ ทำให้โลหะสูญเสียประจุเรียกว่า photoelectric effect. ปรากฏการณ์นี้จะเกิดขึ้นกับโลหะหลายชนิดถ้าความยาวคลื่นของแสงไม่มากเกินไป สำหรับโลหะแต่ละชนิดจะมีขีดจำกัดของความยาวคลื่นของแสงที่จะไม่ทำให้เกิดปรากฏการณ์นี้ได้เลยไม่ว่าแสงจะมีความเข้มสูงสักเท่าไรก็ตาม ปรากฏการณ์นี้สร้างความฉงนให้กับนักวิทยาศาสตร์อยู่ระยะหนึ่ง อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์เป็นผู้อธิบายได้เมื่อปี 1905 โดยอธิบายว่า : แสงประกอบด้วยอนุภาคที่เรียกว่าโฟตอน (photons) พลังงานของโฟตอนมีค่าเป็นสัดส่วนโดยตรงความถี่ของแสง ในการทำให้อีเล็กตรอนหลุดจากผิวโลหะต้องใช้พลังงานจำนวนหนึ่งซึ่งขึ้นกับชนิดของโลหะ เรียกว่าฟังก์ชันงาน (work function) ถ้าพลังงานของโฟตอนมากกว่านี้ก็จะสามารถทำให้อีเล็กตรอนหลุดจากผิวโลหะได้
|
|
|
|
Sirilak
|
 |
« ตอบ #63 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 02, 2011, 05:44:56 pm » |
|
นางสาวสิริลักษณ์ ศัพสุข sec.02 รหัส115210417064-0 เรียนกับ อ.จรัส บุณยธรรมา วันที่2 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา17.44น.
สรุป : ปรากฏการณ์ที่แสงความถี่สูงๆเมื่อฉายไปยังโลหะ ทำให้โลหะสูญเสียประจุเรียกว่า photoelectric effect. ปรากฏการณ์นี้จะเกิดขึ้นกับโลหะหลายชนิดถ้าความยาวคลื่นของแสงไม่มากเกินไป สำหรับโลหะแต่ละชนิดจะมีขีดจำกัดของความยาวคลื่นของแสงที่จะไม่ทำให้เกิดปรากฏการณ์นี้ได้เลยไม่ว่าแสงจะมีความเข้มสูงสักเท่าไรก็ตาม ปรากฏการณ์นี้สร้างความฉงนให้กับนักวิทยาศาสตร์อยู่ระยะหนึ่ง อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์เป็นผู้อธิบายได้เมื่อปี 1905 โดยอธิบายว่า : แสงประกอบด้วยอนุภาคที่เรียกว่าโฟตอน (photons) พลังงานของโฟตอนมีค่าเป็นสัดส่วนโดยตรงความถี่ของแสง ในการทำให้อีเล็กตรอนหลุดจากผิวโลหะต้องใช้พลังงานจำนวนหนึ่งซึ่งขึ้นกับชนิดของโลหะ เรียกว่าฟังก์ชันงาน (work function) ถ้าพลังงานของโฟตอนมากกว่านี้ก็จะสามารถทำให้อีเล็กตรอนหลุดจากผิวโลหะได้
|
|
|
|
attakron006@hotmail.com
|
 |
« ตอบ #64 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 02, 2011, 09:10:13 pm » |
|
กระผม นาย อรรถกร จิตรชื่น นักศึกษาคณะ วิศวกรรมศาตร์ สาขา อุตสาหการ-การจัดการ (สมทบ) SEC.17 รหัสประจำตัว 115340441217-9 เลขที่ 22 เรียนกับอาจารย์ จรัส บุณยธรรมา เข้ามาตอบกระทู้วันที่ 02 เดือน กุมภาพันธ์ พศ.2554 เวลา 21.10น. สถานที่ บ้านฟ้ารังสิต การทดลองเสมือนเรื่อง Photoelectric effect ค.ศ.1887 เฮิร์ต (Hertz) ได้ทดลองฉายรังสีอุลตราไวโอเล็ตไปกระทบบนผิวโลหะ พบว่าอิเล็กตรอนอิสระที่โลหะนั้นเรียกอิเล็กตรอนนี้ว่า โฟโตอิเล็กตรอน เมื่อเฮิร์ตเปลี่ยนความถี่ของแสงที่ฉายตกกระทบบนดลหะพบว่า เมื่อลดความถี่ของรังสีให้น้อยลงถึงค่าหนึ่งซึ่งพอดีที่จะทำให้อิเล็กตรอนในอะตอมหลุดเป็นอิสระได้ ถ้าความถี่น้อยกว่าค่าค่านี้จะไม่เกิดโฟโตอิเล็กตรอนขึ้น ความถี่นี้เรียกว่า ความถี่ขีดเริ่ม (threshold frequency) เมื่อเพิ่มความถี่ให้สูงขึ้นพบว่าโฟโตอิเล็กตรอนจะมีพลังงานมากขึ้น
|
|
|
|
Nitikanss
|
 |
« ตอบ #65 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 02, 2011, 09:57:01 pm » |
|
นางสาวนิติการณ์ รัตนบุรี เลขที่ 71 รหัส 115310903052-4 sec 02 วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา 21.57 น. ณ Banoffee เฮิร์ตได้ทดลองฉายรังสีอุลตร้าไวโอเล็ตไปกระทบบนผิวโลหะพบว่าเกดรังสีอิเล็กตรอนอิสระที่โลหะนั้นเรียกอิเล็กตรอนนี้ว่าโฟโตอิเล็กตรอน เมื่อเปลี่ยนความถี่ของแสงที่ฉายพบว่าเมื่อลดความถี่ของรังสีให้น้อยลงจะทำให้อิเล็กตรอนในอะตอมหลุดเป็นอิสระได้ เมื่อเพิ่มความถี่ให้สูงขึ้นพบว่าโฟโตอิเล็กตรอนจะมีพลังงานมากขึ้น
|
|
|
|
sodiss
|
 |
« ตอบ #66 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 02, 2011, 10:27:23 pm » |
|
นายธรรมนันท์ เหมือนทิพย์ รหัส115210441248-9 sec.02 เลขที่ 27 วิศวกรรมอุตสาหการ-การจัดการ วันที่ 2/02/54 เวลา 22.27. น. ที่ หอบ้านดวงพร มีความคิดเห็นว่า วัตถุทุกชนิดจะแผ่รังสีความร้อนที่ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิของผิววัตถุnรังสีความร้อนที่เปล่งออกมาจากวัตถุจะมีทุกความยาวคลื่น โดยจะเป็นรังสีใต้แดง (infrared) เมื่อมีอุณหภูมิต่ำ nเมื่อมีอุณหภูมิสูงขึ้นจะกลายเป็นรังสีสีแดงและสีขาวในที่สุด nปัญหาของกลศาสตร์แบบฉบับคือไม่สามารถอธิบายถึงการกระจายของรังสีที่แผ่จากวัตถุได้ nวัตถุที่สามารถแผ่หรือดูดกลืนรังสีความร้อนได้ทุกความยาวคลื่นจะมีชื่อเรียกว่า วัตถุดำ (blackbody)
|
|
|
|
kodchaporn
|
 |
« ตอบ #67 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 02, 2011, 11:01:16 pm » |
|
น.ส กชพร เพ็งคำเส็ง นศ.วิศวกรรมเกษตร-สาขาอาหาร sec02 เลขที่29 รหัส 115210417059-0 เรียนกับ ผศ.จรัส บุณยธรรมา ตอบกระทู้วันที่วันที่ 2 ก.พ. 2554 เวลา 23.01 น. สถานที่ บ้าน สรุปได้ว่า...
ปรากฏการณ์ที่แสงความถี่สูงๆเมื่อฉายไปยังโลหะ ทำให้โลหะสูญเสียประจุเรียกว่า photoelectric effect. ปรากฏการณ์นี้จะเกิดขึ้นกับโลหะหลายชนิดถ้าความยาวคลื่นของแสงไม่มากเกินไป สำหรับโลหะแต่ละชนิดจะมีขีดจำกัดของความยาวคลื่นของแสงที่จะไม่ทำให้เกิดปรากฏการณ์นี้ได้เลยไม่ว่าแสงจะมีความเข้มสูงสักเท่าไรก็ตาม ปรากฏการณ์นี้สร้างความฉงนให้กับนักวิทยาศาสตร์อยู่ระยะหนึ่ง อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์เป็นผู้อธิบายได้เมื่อปี 1905 โดยอธิบายว่า : แสงประกอบด้วยอนุภาคที่เรียกว่าโฟตอน (photons) พลังงานของโฟตอนมีค่าเป็นสัดส่วนโดยตรงความถี่ของแสง ในการทำให้อีเล็กตรอนหลุดจากผิวโลหะต้องใช้พลังงานจำนวนหนึ่งซึ่งขึ้นกับชนิดของโลหะ เรียกว่าฟังก์ชันงาน (work function) ถ้าพลังงานของโฟตอนมากกว่านี้ก็จะสามารถทำให้อีเล็กตรอนหลุดจากผิวโลหะได้
|
|
|
|
suradet phetcharat
|
 |
« ตอบ #68 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 03, 2011, 10:36:40 am » |
|
นายสุรเดช เพ็ชรรัตน์ นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมโยธา CVE2 Sec17 เลขที่ 9 รหัส 115340411115-1 ผศ.จรัส บุณยธรรมา เข้ามาตอบกระทู้วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา 10.37 น.Office สำนักงานบริษัทไทยวัฒน์ ปรากฏการณ์ที่แสงความถี่สูงๆเมื่อฉายไปยังโลหะ ทำให้โลหะสูญเสียประจุเรียกว่า photoelectric effect. ปรากฏการณ์นี้จะเกิดขึ้นกับโลหะหลายชนิดถ้าความยาวคลื่นของแสงไม่มากเกินไป สำหรับโลหะแต่ละชนิดจะมีขีดจำกัดของความยาวคลื่นของแสงที่จะไม่ทำให้เกิดปรากฏการณ์นี้ได้เลยไม่ว่าแสงจะมีความเข้มสูงสักเท่าไรก็ตาม ปรากฏการณ์นี้สร้างความฉงนให้กับนักวิทยาศาสตร์อยู่ระยะหนึ่ง อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์เป็นผู้อธิบายได้เมื่อปี 1905 โดยอธิบายว่า : แสงประกอบด้วยอนุภาคที่เรียกว่าโฟตอน (photons) พลังงานของโฟตอนมีค่าเป็นสัดส่วนโดยตรงความถี่ของแสง ในการทำให้อีเล็กตรอนหลุดจากผิวโลหะต้องใช้พลังงานจำนวนหนึ่งซึ่งขึ้นกับชนิดของโลหะ เรียกว่าฟังก์ชันงาน (work function) ถ้าพลังงานของโฟตอนมากกว่านี้ก็จะสามารถทำให้อีเล็กตรอนหลุดจากผิวโลหะได้
|
|
|
|
Jantira
|
 |
« ตอบ #69 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 03, 2011, 01:33:32 pm » |
|
นางสาวจันทิรา รัตนพันธุ์ sec.2 เลขที่64 รหัสนักศึกษา 115310903042-5 คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สาขาวิชาสถิติ วันที่3/02/54 เวลา13.32น. ณbanoffee สรุป วัตถุทุกชนิดจะแผ่รังสีความร้อนที่ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิของผิววัตถุnรังสีความร้อนที่เปล่งออกมาจากวัตถุจะมีทุกความยาวคลื่น โดยจะเป็นรังสีใต้แดง (infrared) เมื่อมีอุณหภูมิต่ำ nเมื่อมีอุณหภูมิสูงขึ้นจะกลายเป็นรังสีสีแดงและสีขาวในที่สุด nปัญหาของกลศาสตร์แบบฉบับคือไม่สามารถอธิบายถึงการกระจายของรังสีที่แผ่จากวัตถุได้ nวัตถุที่สามารถแผ่หรือดูดกลืนรังสีความร้อนได้ทุกความยาวคลื่นจะมีชื่อเรียกว่า วัตถุดำ (blackbody)
|
|
|
|
namtan
|
 |
« ตอบ #70 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 03, 2011, 03:28:03 pm » |
|
ดิฉัน นางสาวณัชชา ธิติบุญจันทร์ นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมอาหาร sec02 รหัสประจำตัว115210417055-8 เลขที่ 27 เรียนกับอาจารย์จรัส บุณยธรรมา เข้ามาตอบกระทู้วันที่ 3 เดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ.2554 ที่หอพักโอนิน3 เวลา 15.28น. ความรู้จากเนื้อหาที่ได้คือ ปรากฏการณ์ที่แสงความถี่สูงๆเมื่อฉายไปยังโลหะ ทำให้โลหะสูญเสียประจุเรียกว่า photoelectric effect. ปรากฏการณ์นี้จะเกิดขึ้นกับโลหะหลายชนิดถ้าความยาวคลื่นของแสงไม่มากเกินไป สำหรับโลหะแต่ละชนิดจะมีขีดจำกัดของความยาวคลื่นของแสงที่จะไม่ทำให้เกิดปรากฏการณ์นี้ได้เลยไม่ว่าแสงจะมีความเข้มสูงสักเท่าไรก็ตาม ปรากฏการณ์นี้สร้างความฉงนให้กับนักวิทยาศาสตร์อยู่ระยะหนึ่ง อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์เป็นผู้อธิบายได้เมื่อปี 1905 โดยอธิบายว่า : แสงประกอบด้วยอนุภาคที่เรียกว่าโฟตอน (photons) พลังงานของโฟตอนมีค่าเป็นสัดส่วนโดยตรงความถี่ของแสง ในการทำให้อีเล็กตรอนหลุดจากผิวโลหะต้องใช้พลังงานจำนวนหนึ่งซึ่งขึ้นกับชนิดของโลหะ เรียกว่าฟังก์ชันงาน (work function) ถ้าพลังงานของโฟตอนมากกว่านี้ก็จะสามารถทำให้อีเล็กตรอนหลุดจากผิวโลหะได้
|
|
|
|
รัฐพล เกตุอู่ทอง
|
 |
« ตอบ #71 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 03, 2011, 08:01:54 pm » |
|
กระผม นายรัฐพล เกตุอู่ทอง นักศึกษาคณะ วิศวกรรมศาตร์ สาขา อุตสาหการ-การจัดการ (สมทบ) SEC.17 รหัสประจำตัว 115340441229-4 เลขที่ 26 เรียนกับอาจารย์ จรัส บุณยธรรมา เข้ามาตอบกระทู้วันที่ 03 เดือน กุมภาพันธุ์ พศ.2554 เวลา 20.01 น. สถานที่ หอพักเฉลิมพล
สรุปว่า ปรากฎการณ์โฟโตอิเล็กตรอน ค.ศ.1887 เฮิร์ซได้ทดลองฉายรังสีอุลตราไวโอเลตไปกระทบบนผิวโลหะ พบว่าเกิดอิเล็กตรอนอิสระที่โลหะนั้น เรียกอิเล็กตรอนนี้ว่า โฟโตอิเล็กตรอน เมื่อเฮีร์ซเปลี่ยนความถี่ของแสงที่ฉายตกกระทบบนโลหะพบว่าเมื่อลดความถี่ของรังสีให้น้อยลงถึงค่าๆหนึ่งซึ่งพอดีที่จะทำให้อิเล็กตรอนในอะตอมหลุดเป็นอิสระได้ ถ้าความถี่น้อยกว่าค่าค่านี้จะไม่เกิดโฟโตอิเล็กตรอนขึ้น ความถี่นี้เรียกว่า ความถี่ขีดเริ่ม
|
|
|
|
LeeOa IE'53 SEC.17
|
 |
« ตอบ #72 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 03, 2011, 09:00:02 pm » |
|
กระผม นาย สุธี มีอำมาตย์ นักศึกษาคณะ วิศวกรรมศาตร์ สาขา อุตสาหการ-การจัดการ (สมทบ) เลขที่ 15 SEC.17 รหัสประจำตัว 115340441205-4 เรียนกับอาจารย์ จรัส บุณยธรรมา เข้ามาตอบกระทู้วันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554 เวลา 9:00 PM. สถานที่บ้านพักที่วังน้อย มีความเห็นว่า วัตถุทุกชนิดจะแผ่รังสีความร้อนที่ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิของผิววัตถุnรังสีความร้อนที่เปล่งออกมาจากวัตถุจะมีทุกความยาวคลื่น โดยจะเป็นรังสีใต้แดง (infrared) เมื่อมีอุณหภูมิต่ำ nเมื่อมีอุณหภูมิสูงขึ้นจะกลายเป็นรังสีสีแดงและสีขาวในที่สุด nปัญหาของกลศาสตร์แบบฉบับคือไม่สามารถอธิบายถึงการกระจายของรังสีที่แผ่จากวัตถุได้ nวัตถุที่สามารถแผ่หรือดูดกลืนรังสีความร้อนได้ทุกความยาวคลื่นจะมีชื่อเรียกว่า วัตถุดำ (blackbody)
|
|
|
|
aomme
|
 |
« ตอบ #73 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 03, 2011, 09:53:46 pm » |
|
น.ส ศรัญญา เพชรแก้ว เลขที่ 45 sec 02 รหัส 115310903022-7 สาขา สถิติประยุกต์ วัน 03/02/54 เวลา 21.52 สถานที่ บ้าน ปรากฏการณ์นี้จะเกิดขึ้นกับโลหะหลายชนิดถ้าความยาวคลื่นของแสงไม่มากเกินไป สำหรับโลหะแต่ละชนิดจะมีขีดจำกัดของความยาวคลื่นของแสงที่จะไม่ทำให้เกิดปรากฏการณ์นี้ได้เลยไม่ว่าแสงจะมีความเข้มสูงสักเท่าไรก็ตาม ปรากฏการณ์นี้สร้างความฉงนให้กับนักวิทยาศาสตร์อยู่ระยะหนึ่ง อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์เป็นผู้อธิบายได้เมื่อปี 1905 โดยอธิบายว่า : แสงประกอบด้วยอนุภาคที่เรียกว่าโฟตอน (photons) พลังงานของโฟตอนมีค่าเป็นสัดส่วนโดยตรงความถี่ของแสง ในการทำให้อีเล็กตรอนหลุดจากผิวโลหะต้องใช้พลังงานจำนวนหนึ่งซึ่งขึ้นกับชนิดของโลหะ เรียกว่าฟังก์ชันงาน (work function) ถ้าพลังงานของโฟตอนมากกว่านี้ก็จะสามารถทำให้อีเล็กตรอนหลุดจากผิวโลหะได้
|
|
|
|
tanongsak wachacama
|
 |
« ตอบ #74 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 03, 2011, 10:04:38 pm » |
|
กระผมนายทนงศักดิ์ เวชกามา นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมโยธา รหัส 115330411016-2 กลุ่ม 53341cve sec04 อาจารย์ผู้สอน อาจารย์จรัส บุณยธรรมา ได้เข้ามาตอบกระทู้วันที่ 03/02/2554 เวลา22.05 น. ที่spcondo ได้มีข้อคิดเห็นดังนี้ ปรากฎการณ์โฟโตอิเล็กตรอน ค.ศ.1887 เฮิร์ซได้ทดลองฉายรังสีอุลตราไวโอเลตไปกระทบบนผิวดลหะ พบว่าเกิดอิเล็กตรอนอิสระที่โลหะนั้น เรียกอิเล็กตรอนนี้ว่า โฟโตอิเล็กตรอน เมื่อเฮร์เปลี่ยนความถี่ของแสงที่ฉายตกกระทบบนโลหะพบว่ เมื่อลดความถี่ของรังสีให้น้อยลงถึงค่าๆหึ่งซึ่งพอดีที่จะทำให้อิเล็กตรอนในอะตอมหลุดเป็นอิสระได้ ถ้าความถี่น้อยกว่าค่าค่านี้จะไม่เกิดโฟโตอิเล็กตรอนขึ้น ความถี่นี้เรียกว่า ความถี่ขีดเริ่ม โดยค่าของกรแสที่ได้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความเข้มของแสงแต่ขึ้นอยู่กับค่าของ Voltage
|
|
|
|
Narumol
|
 |
« ตอบ #75 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 03, 2011, 11:15:00 pm » |
|
น.ส.นฤมล กำลังฟู รหัสนักศึกษา 115210417031-9 No.26 Sec.02 วัตถุทุกชนิดจะแผ่รังสีความร้อนที่ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิของผิววัตถุnรังสี ความร้อนที่เปล่งออกมาจากวัตถุจะมีทุกความยาวคลื่น โดยจะเป็นรังสีใต้แดง (infrared) เมื่อมีอุณหภูมิต่ำ nเมื่อมีอุณหภูมิสูงขึ้นจะกลายเป็นรังสีสีแดงและสีขาวในที่สุด nปัญหาของกลศาสตร์แบบฉบับคือไม่สามารถอธิบายถึงการกระจายของรังสีที่แผ่จาก วัตถุได้ nวัตถุที่สามารถแผ่หรือดูดกลืนรังสีความร้อนได้ทุกความยาวคลื่นจะมีชื่อ เรียกว่า วัตถุดำ (blackbody)
|
|
|
|
narongdach
|
 |
« ตอบ #76 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 04, 2011, 07:55:57 am » |
|
นายณรงค์เดช เพ็งแจ่ม คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาอุตสาหการ-การจัดการ sec.17 รหัสประจำตัว115340441220-3 ตอบกระทู้วันที่ 4/02/54 เวลา 7.54 น. สถานที่ อพาร์ทเม้นต์ เอกภาคย์ เมืองเอก ปรากฎการณ์โฟโตอิเล็กตรอน ค.ศ.1887 เฮิร์ซได้ทดลองฉายรังสีอุลตราไวโอเลตไปกระทบบนผิวโลหะ พบว่าเกิดอิเล็กตรอนอิสระที่โลหะนั้น เรียกอิเล็กตรอนนี้ว่า โฟโตอิเล็กตรอน เมื่อเฮร์เปลี่ยนความถี่ของแสงที่ฉายตกกระทบบนโลหะพบว่ เมื่อลดความถี่ของรังสีให้น้อยลงถึงค่าๆหึ่งซึ่งพอดีที่จะทำให้อิเล็กตรอนในอะตอมหลุดเป็นอิสระได้ ถ้าความถี่น้อยกว่าค่าค่านี้จะไม่เกิดโฟโตอิเล็กตรอนขึ้น ความถี่นี้เรียกว่า ความถี่ขีดเริ่ม โดยค่าของกรแสที่ได้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความเข้มของแสงแต่ขึ้นอยู่กับค่าของ Voltage
|
|
|
|
wuttipong
|
 |
« ตอบ #77 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 04, 2011, 05:45:20 pm » |
|
ผมนายวุฒิพงษ์ สุขะ นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ วิศวกรรมโยธา รหัส 115330411029-5 Sec.04 เลขที่ 23 ได้เข้ามาตอบกระทู้วันที่ 04/02/2554 เวลา17:42 น. ที่หอพัก FourB5 สรุปได้ว่า วัตถุทุกชนิดจะแผ่รังสีความร้อนที่ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิของผิววัตถุnรังสีความร้อนที่เปล่งออกมาจากวัตถุจะมีทุกความยาวคลื่น โดยจะเป็นรังสีใต้แดง (infrared) เมื่อมีอุณหภูมิต่ำ nเมื่อมีอุณหภูมิสูงขึ้นจะกลายเป็นรังสีสีแดงและสีขาวในที่สุด nปัญหาของกลศาสตร์แบบฉบับคือไม่สามารถอธิบายถึงการกระจายของรังสีที่แผ่จากวัตถุได้ nวัตถุที่สามารถแผ่หรือดูดกลืนรังสีความร้อนได้ทุกความยาวคลื่นจะมีชื่อเรียกว่า วัตถุดำ (blackbody)
|
|
|
|
Kamphon
|
 |
« ตอบ #78 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 04, 2011, 05:46:47 pm » |
|
นายกัมพล มิ่งฉาย นักศึกษาคณะวิศวกรรมอุตสาหการ เรียนกับผศ.จรัส บุณยธรรมา ตอบวันที่ 4-2-2011 เวลา 17.46 น. ที่ตึกวิทยบริการ ปรากฎการณ์โฟโตอิเล็กตรอน ค.ศ.1887 เฮิร์ซได้ทดลองฉายรังสีอุลตราไวโอเลตไปกระทบบนผิวโลหะ พบว่าเกิดอิเล็กตรอนอิสระที่โลหะนั้น เรียกอิเล็กตรอนนี้ว่า โฟโตอิเล็กตรอน เมื่อเฮร์เปลี่ยนความถี่ของแสงที่ฉายตกกระทบบนโลหะพบว่า เมื่อลดความถี่ของรังสีให้น้อยลงถึงค่าๆหึ่งซึ่งพอดีที่จะทำให้อิเล็กตรอนในอะตอมหลุดเป็นอิสระได้ ถ้าความถี่น้อยกว่าค่าค่านี้จะไม่เกิดโฟโตอิเล็กตรอนขึ้น ความถี่นี้เรียกว่า ความถี่ขีดเริ่มโดยค่าของกรแสที่ได้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความเข้มของแสงแต่ขึ้นอยู่กับค่าของ Voltage
|
|
|
|
sangtawee
|
 |
« ตอบ #79 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 04, 2011, 11:45:18 pm » |
|
กระผมนายแสงทวี พรมบุตร นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ วิศวกรรมโยธา รหัส 115330411035-2 Sec.04 เลขที่ 29 ได้เข้ามาตอบกระทู้วันที่ 04/02/2554 เวลา23:45 น. สถานที่หอพัก FourB5 มีความเห็นว่า ปรากฎการณ์โฟโตอิเล็กตรอน ค.ศ.1887 เฮิร์ซได้ทดลองฉายรังสีอุลตราไวโอเลตไปกระทบบนผิวโลหะ พบว่าเกิดอิเล็กตรอนอิสระที่โลหะนั้น เรียกอิเล็กตรอนนี้ว่า โฟโตอิเล็กตรอน เมื่อเฮีร์ซเปลี่ยนความถี่ของแสงที่ฉายตกกระทบบนโลหะพบว่าเมื่อลดความถี่ของรังสีให้น้อยลงถึงค่าๆหนึ่งซึ่งพอดีที่จะทำให้อิเล็กตรอนในอะตอมหลุดเป็นอิสระได้ ถ้าความถี่น้อยกว่าค่าค่านี้จะไม่เกิดโฟโตอิเล็กตรอนขึ้น ความถี่นี้เรียกว่า ความถี่ขีดเริ่ม
|
|
|
|
Suphakorn
|
 |
« ตอบ #80 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 05, 2011, 01:01:29 am » |
|
กระผมนาย สุภากร หงษ์โต นศ.คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมอุตสาหการ-การจัดการ รหัสนักศึกษา 115330441211-3 Sec.04 เรียนกับอาจารย์ จรัส บุณยธรรมา ตอบกระทู้วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา 01.01 น. ที่หอพัก gooddream มีความคิดเห็นว่า วัตถุทุกชนิดจะแผ่รังสีความร้อนที่ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิของผิววัตถุnรังสีความร้อนที่เปล่งออกมาจากวัตถุจะมีทุกความยาวคลื่น โดยจะเป็นรังสีใต้แดง (infrared) เมื่อมีอุณหภูมิต่ำ nเมื่อมีอุณหภูมิสูงขึ้นจะกลายเป็นรังสีสีแดงและสีขาวในที่สุด nปัญหาของกลศาสตร์แบบฉบับคือไม่สามารถอธิบายถึงการกระจายของรังสีที่แผ่จากวัตถุได้ nวัตถุที่สามารถแผ่หรือดูดกลืนรังสีความร้อนได้ทุกความยาวคลื่นจะมีชื่อเรียกว่า วัตถุดำ (blackbody)
|
|
|
|
tum moment
|
 |
« ตอบ #81 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 05, 2011, 01:39:22 am » |
|
 นายกิติศักดิ์ รัตนมณี นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ ภาควิชาวิศวกรรมโยธา 53341CVE sec.4 รหัสประจำตัว 115330411027-9 เรียนกับ ผศ.จรัส บุณยธรรมา วันที่ 5 กุมภาพันธ์ พศ.2554 ที่หอพักมณีโชติ เวลา 01.40น. ปรากฎการณ์โฟโตอิเล็กตรอน ค.ศ.1887 เฮิร์ซได้ทดลองฉายรังสีอุลตราไวโอเลตไปกระทบบนผิวโลหะ พบว่าเกิดอิเล็กตรอนอิสระที่โลหะนั้น เรียกอิเล็กตรอนนี้ว่า โฟโตอิเล็กตรอน เมื่อเฮีร์ซเปลี่ยนความถี่ของ แสงที่ฉายตกกระทบบนโลหะพบว่าเมื่อลดความถี่ของรังสีให้น้อยลงถึงค่าๆหนึ่งซึ่งพอดีที่จะทำให้อิเล็กตรอน ในอะตอมหลุดเป็นอิสระได้ ถ้าความถี่น้อยกว่าค่าค่านี้จะไม่เกิดโฟโตอิเล็กตรอนขึ้น ความถี่นี้เรียกว่า ความถี่ขีดเริ่ม
|
|
|
|
iinuyashaa
|
 |
« ตอบ #82 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 05, 2011, 07:41:06 am » |
|
นางสาววิภวานี แสงทอง นักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สาขาวิชาเคมี sec 02 รหัส 115210902118-6 เข้ามาตอบกระทู้วันที่ 5/2/2554 ที่บ้าน เวลา 7:41 น.
สรุปได้ว่า
ปรากฏการณ์ที่แสงความถี่สูงๆเมื่อฉายไปยังโลหะ ทำให้โลหะสูญเสียประจุเรียกว่า photoelectric effect. ปรากฏการณ์ นี้จะเกิดขึ้นกับโลหะหลายชนิดถ้าความยาวคลื่นของแสงไม่มากเกินไป สำหรับโลหะแต่ละชนิดจะมีขีดจำกัดของความยาวคลื่นของแสงที่จะไม่ทำให้เกิด ปรากฏการณ์นี้ได้เลยไม่ว่าแสงจะมีความเข้มสูงสักเท่าไรก็ตาม ปรากฏการณ์นี้สร้างความฉงนให้กับนักวิทยาศาสตร์อยู่ระยะหนึ่ง อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์เป็นผู้อธิบายได้เมื่อปี 1905 โดยอธิบายว่า : แสงประกอบด้วยอนุภาคที่เรียกว่าโฟตอน (photons) พลังงานของโฟตอนมีค่าเป็นสัดส่วนโดยตรงความถี่ของแสง ในการทำให้อีเล็กตรอนหลุดจากผิวโลหะต้องใช้พลังงานจำนวนหนึ่งซึ่งขึ้นกับ ชนิดของโลหะ เรียกว่าฟังก์ชันงาน (work function) ถ้าพลังงานของโฟตอนมากกว่านี้ก็จะสามารถทำให้อีเล็กตรอนหลุดจากผิวโลหะได้
|
|
|
|
mukkie
|
 |
« ตอบ #83 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 05, 2011, 01:54:54 pm » |
|
นางสาว ปาณิศา ไพรสยม sec.2 เลขที่73 รหัสนักศึกษา 115310903054-0 คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สาขาวิชาสถิติ ตอบกระทู้วันที่5ก.พ.54 เวลา13.54น. ที่บ้านตัวเอง เฮิร์ซได้ทดลองฉายรังสีอุลตราไวโอเลตไปกระทบบนผิวโลหะ พบว่าเกิดอิเล็กตรอนอิสระที่โลหะนั้น เรียกอิเล็กตรอนนี้ว่า โฟโตอิเล็กตรอน เมื่อเฮิร์ซเปลี่ยนความถี่ของแสงที่ฉายตกกระทบบนโลหะพบว่า เมื่อลดความถี่ของรังสีให้น้อยลงถึงค่าค่าหนึ่งซึ่งพอดีที่จะทำให้อิเล็กตรอนในอะตอมหลุดเป็นอิสระได้ ถ้าความถี่น้อยกว่าค่าค่านี้จะไม่เกิดโฟโตอิเล็กตรอนขึ้น ความถี่นี้เรียกว่า ความถี่ขีดเริ่ม
|
|
|
|
amnuay cve2
|
 |
« ตอบ #84 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 05, 2011, 02:04:23 pm » |
|
 กระผมนาย อำนวย เกิดโภคา นักศึกษาคณะวิศวกรรมโยธา SEC 17 เลขที่ 10 รหัส 115340411116-9 อาจารย์ผู้สอน ผศ. จรัส บุณยธรรมา เข้ามาตอบกระทู้วันที่5/2/2554 ที่บ้าน เวลา 14.04 น.  ปรากฏการณ์ที่แสงความถี่สูงๆเมื่อฉายไปยังโลหะ ทำให้โลหะสูญเสียประจุเรียกว่า photoelectric effect. ปรากฏการณ์นี้จะเกิดขึ้นกับโลหะหลายชนิดถ้าความยาวคลื่นของแสงไม่มากเกินไป สำหรับโลหะแต่ละชนิดจะมีขีดจำกัดของความยาวคลื่นของแสงที่จะไม่ทำให้เกิดปรากฏการณ์นี้ได้เลยไม่ว่าแสงจะมีความเข้มสูงสักเท่าไรก็ตาม ปรากฏการณ์นี้สร้างความฉงนให้กับนักวิทยาศาสตร์อยู่ระยะหนึ่ง อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์เป็นผู้อธิบายได้เมื่อปี 1905 โดยอธิบายว่า : แสงประกอบด้วยอนุภาคที่เรียกว่าโฟตอน (photons) พลังงานของโฟตอนมีค่าเป็นสัดส่วนโดยตรงความถี่ของแสง ในการทำให้อีเล็กตรอนหลุดจากผิวโลหะต้องใช้พลังงานจำนวนหนึ่งซึ่งขึ้นกับชนิดของโลหะ เรียกว่าฟังก์ชันงาน (work function) ถ้าพลังงานของโฟตอนมากกว่านี้ก็จะสามารถทำให้อีเล็กตรอนหลุดจากผิวโลหะได้
|
|
|
|
thabthong
|
 |
« ตอบ #85 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 05, 2011, 03:33:09 pm » |
|
กระผมนาย รัตชานนท์ ทับทอง นศ.คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมอุตสาหการ-การจัดการ รหัสนักศึกษา 115330441203-0 Sec.04 เรียนกับอาจารย์ จรัส บุณยธรรมา ตอบกระทู้วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา 15.32 น. ที่วิทยะ สรุป วัตถุทุกชนิดจะแผ่รังสีความร้อนที่ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิของผิววัตถุnรังสีความร้อนที่เปล่งออกมาจากวัตถุจะมีทุกความยาวคลื่น โดยจะเป็นรังสีใต้แดง (infrared) เมื่อมีอุณหภูมิต่ำ nเมื่อมีอุณหภูมิสูงขึ้นจะกลายเป็นรังสีสีแดงและสีขาวในที่สุด nปัญหาของกลศาสตร์แบบฉบับคือไม่สามารถอธิบายถึงการกระจายของรังสีที่แผ่จากวัตถุได้ nวัตถุที่สามารถแผ่หรือดูดกลืนรังสีความร้อนได้ทุกความยาวคลื่นจะมีชื่อเรียกว่า วัตถุดำ (blackbody)
|
|
|
|
Kotchapan
|
 |
« ตอบ #86 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 05, 2011, 05:05:08 pm » |
|
นาย คชพันธ์ พงษ์ไพร นศ.คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมโยธา รหัสนักศึกษา 115330411048-5 เลขที่ 41 Sec.04 เรียนกับอาจารย์ จรัส บุณยธรรมา วันที่ 05/02/2554 สถานที่ กิตติพงษ์แมนชั่น เวลา 17.00 น. สรุปจากการทดลอง ปรากฎการณ์โฟโตอิเล็กตริก เกิดจากเมื่อแสงที่มีความยาวคลื่นสั้นหรือความถี่สูง ตกกระทบผิวโลหะ จะทำให้อนุภาคที่มีประจุไฟฟ้า หลุดออกจากโลหะได้ ปรากฎการณ์นี้มีชื่อเรียกว่า ปรากฎการณืโฟโตอิเล็กตริก เนื่องจากเป็นการที่เกี่ยวกับแสงและไฟฟ้า สมการโฟโตอิเล็กตริกของไอน์สไตน์เขียนได้ดังนี้ hf=W+K
|
|
|
|
rungarun
|
 |
« ตอบ #87 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 05, 2011, 07:20:21 pm » |
|
นายรุ่งอรุณ แย้มประดิษฐ์ รหัส 1153404412468 เลขที่ 36 sec 17 คณะวิศวะกรรมศาสตร์อุตสาหการ-การจัดการ วันที5กุมภาพันธ์ 2554 เวลา19.20
วัตถุทุกชนิดจะแผ่รังสีความร้อนที่ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิของผิววัตถุnรังสีความร้อนที่เปล่งออกมาจากวัตถุจะมีทุกความยาวคลื่น โดยจะเป็นรังสีใต้แดง (infrared) เมื่อมีอุณหภูมิต่ำ nเมื่อมีอุณหภูมิสูงขึ้นจะกลายเป็นรังสีสีแดงและสีขาวในที่สุด nปัญหาของกลศาสตร์แบบฉบับคือไม่สามารถอธิบายถึงการกระจายของรังสีที่แผ่จากวัตถุได้ nวัตถุที่สามารถแผ่หรือดูดกลืนรังสีความร้อนได้ทุกความยาวคลื่นจะมีชื่อเรียกว่า วัตถุดำ (blackbody)
|
|
|
|
surachet
|
 |
« ตอบ #88 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 05, 2011, 07:41:47 pm » |
|
นายสุรเชฐ กัญจนชุมาบุรพ คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมอุตหสาหการ-การจัดการ sec04 รหัสประจำตัว115330441219-6 เรียนกับอาจารย์ จรัส บุณยธรรมมา เข้ามาตอบกระทู้เมื่อ วันที่ 5 เดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ 2554 เวลา 19.40 น. สถานที่ บ้าน มีความคิดเห็นว่า: ค.ศ.1887 เฮิร์ต (Hertz) ได้ทดลองฉายรังสีอุลตราไวโอเล็ตไปกระทบบนผิวโลหะ พบว่าอิเล็กตรอนอิสระที่โลหะนั้นเรียกอิเล็กตรอนนี้ว่า โฟโตอิเล็กตรอน เมื่อเฮิร์ตเปลี่ยนความถี่ของแสงที่ฉายตกกระทบบนโลหะพบว่า เมื่อลดความถี่ของรังสีให้น้อยลงถึงค่าหนึ่งซึ่งพอดีที่จะทำให้อิเล็กตรอนในอะตอมหลุดเป็นอิสระได้ ถ้าความถี่น้อยกว่าค่าค่านี้จะไม่เกิดโฟโตอิเล็กตรอนขึ้น ความถี่นี้เรียกว่า ความถี่ขีดเริ่ม (threshold frequency) เมื่อเพิ่มความถี่ให้สูงขึ้นพบว่าโฟโตอิเล็กตรอนจะมีพลังงานมากขึ้น
|
|
|
|
m_japakiya
|
 |
« ตอบ #89 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 05, 2011, 10:15:06 pm » |
|
นาย มูฮำหมัดนาวี จะปะกียา เลขที่ 2 sec 17 รหัส 115340411104-5 คณะวิศวกรรมศาสตร์ ภาควิชา วิศวกรรมโยธา ณ บ้าน จรัญสนิทวงศ์ 05-02-54 เวลา 22.14 น. เรียนกับอาจารย์ ผศ.จรัส บุณยธรรมา วัตถุทุกชนิดจะแผ่รังสีความร้อนที่ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิของผิววัตถุnรังสีความร้อนที่เปล่งออกมาจากวัตถุจะมีทุกความยาวคลื่น โดยจะเป็นรังสีใต้แดง (infrared) เมื่อมีอุณหภูมิต่ำ nเมื่อมีอุณหภูมิสูงขึ้นจะกลายเป็นรังสีสีแดงและสีขาวในที่สุด nปัญหาของกลศาสตร์แบบฉบับคือไม่สามารถอธิบายถึงการกระจายของรังสีที่แผ่จากวัตถุได้ nวัตถุที่สามารถแผ่หรือดูดกลืนรังสีความร้อนได้ทุกความยาวคลื่นจะมีชื่อเรียกว่า วัตถุดำ (blackbody)
|
|
|
|
|