พวกวัตถุนิยม
นักคิดในกลุ่มนี้จึงคิดง่าย
ๆ
เพียงบนพื้นฐานมหภาคของรูปธรรมที่ปรากฏให้สังเกตได้เท่านั้น
ว่าเป็นความจริง
จึงอาจจัดรวมนักคิดเหล่านี้ไว้ในกลุ่มวิทยาศาสตร์วัตถุนิยม
(scientific materialism) หรือธรรมชาตินิยม
(naturalism) หรือสามัญสำนักนิยม
(empiricism)
ความจริงที่ว่าคือความจริงที่เป็นรูปธรรมทางกายรับรู้และสัมผัสได้
ชั่งตวงวัดได้ (objectivism)
จึงมักจะอิงการค้นคว้าอธิบายบนพื้นฐานของวิทยาศาสตร์กายภาพ
หรือวิทยาศาสตร์วัตถุนิยมที่คิดค้นพบนำมาใช้เมื่อ
350 ปีก่อน นำโดยไอแซคนิวตัน
กาลิเลโอ ฟรานซิสเบคอน
และเดส์การ์ต
ตามมาด้วยไลบ์นิซ ลาปล๊าซ
ชาร์ลส์ดาร์วิน
ซิกมันด์ฟรอยด์ และคนอื่น ๆ
ตามลำดับ
อุบัติการและวิวัฒนาการของสรรพสิ่งและชีวิตจึงเป็นเรื่องที่ต่างแยกแปลกต่างจากกัน
หากจะมีความสัมพันธ์กันก็เป็นไปด้วยพลังงาน
หรืออิทธิพลการพึ่งพาอาศัยกันจากภายนอกปรัชญาของนักคิดกลุ่มนี้จึงสรุปว่าความจริงเป็นเรื่องของรูปธรรมที่เห็นหรือรับรู้ได้จริงเท่านั้น
ธรรมชาติเป็นเรื่องความบังเอิญทั้งสิ้นปรัชญาเช่นว่านั้นอาจแปลได้ว่า
คุณไม่ต้องถามอะไรอีก
ความจริงมันเห็นได้โทนโท่เช่นนั้นอยู่แล้ว
ผู้ที่ถามต่อไปถึงสิ่งที่อยู่เบื้องหลังความบังเอิญก็คือเด็กที่ไร้เดียงสาปัญญาอ่อน
หรือจิตไม่สมประกอบไร้สิ้นซึ่งวุฒิภาวะ
|
|
<<
หน้าก่อน หน้าถัดไป
>>
|
|
|
|
|
นำมาจากเอกภาพของชีวิตกับจักรวาล
ของนายแพทย์ประสาน
ต่างใจ ต้องขอขอบคุณมากครับ |
|
| |