อุบัติการณ์จากความว่างเปล่า 

          จนถึงวันนี้เราก็ยังไม่รู้ว่า นอกจากบนดาวเคราะห์ดวงที่สามของระบบสุริยะที่เรียกว่าโลกแล้ว จะยังมีชีวิตในดาวเคราะห์ดวงอื่น ๆ อีกหรือไม่ และหากมี ชีวิตที่อยู่รวมกันเหล่านั้นจะมีความหลากหลายและแตกต่างกัน มีอันดับความสำคัญลดหลั่นกัน ไม่ว่าในด้านของรูปร่างหรือสติปัญญา เช่น สรรพชีวิตในโลกเราที่มีมนุษย์เป็นปลายยอดสุดของวิวัฒนาการหรือไม่ หากวิเคราะห์กันในทางวิทยาศาสตร์จริง ๆ แล้ว นักดาราศาสตร์จักรวาลวิทยาแทบทั้งหมดก็เชื่อว่ามันเป็นไปได้มากกว่าที่จะมีชีวิตอาศัยอยู่ทั่วไปในดาวเคราะห์อื่น ๆ ในระบบดาวอื่น ๆ ไม่ว่าในกาแลคซี่ใดในจักรวาลที่กว้างใหญ่ไพศาล จนบัดนี้ก็ยังไม่แน่ใจว่ามันมีขอบเขตสิ้นสุดตรงไหนหรืออย่างไร จักรวาลทั้งหมดที่มีกาแล็คซี่จำนวนนับไม่ถ้วน เป็นแสนล้านกาแล็คซี่ ซึ่งแต่ละกาแล็คซี่ก็มีระบบดาวหรือดวงอาทิตย์จำนวนเท่า ๆ กันจะไม่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่เลยย่อมเป็นไปไม่ได้ มันไม่มีเหตุผลอะไรที่โลกเรา เท่านั้นที่จะเหมาเอาความบังเอิญเอาไว้แต่โลกเดียว มีธรรมชาติที่เหมาะสมเอื้อให้สิ่งมีชีวิตเกิดขึ้นมาได้ และให้มีมนุษย์เป็นผู้ยิ่งใหญ่แต่ผู้เดียวเกิดขึ้นมาได้ แม้แต่ในกาแล็คซี่ทางช้างเผือกของเราเองก็เถอะ เอากันเพียงในระยะ 100 - 200 ปีแสง วิทยาศาสตร์ก็ยังเชื่อว่ามีระบบดาวที่มีลักษณะทางกายภาพไม่ต่างกับระบบสุริยะนัก อยู่จำนวนเป็นหมื่น ๆ ระบบ มันคงเป็นไปได้ว่าในจำนวนนั้นอาจมีดาวเคราะห์ดวงหนึ่งดวงใด และน่าจะหลายดวงด้วยซ้ำที่อาจมีสิ่งมีชีวิต หรือแม้ชีวิตที่มีวัฒนาการมีสติปัญญาเช่นมนุษย์หรือยิ่งกว่าอาศัยอยู่ ในทางพุทธศาสนาเองก็บอกว่า ในโลกธาตุทั้งสามระบบมีโลกอีกจำนวนมากที่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ ทั้งที่คล้ายคลึงกับมนุษย์เราและที่แตกต่างกับเราในด้านรูปร่างหรือจิตวิญญาณมีลัทธิความเชื่อที่เป็นตำนานโบร่ำโบราณของชนชาติต่าง ๆ ที่มีวัฒนธรรมแตกต่างกัน ส่วนมากก็เชื่อว่ามีองค์กรชีวิตอาศัยอยู่ในโลกอื่น ๆ ไม่ว่าองค์กรชีวิตนั้น ๆ จะถูกเรียกหาว่าอย่างไร เป็นนกเป็นยักษ์เป็นมังกรหรือเป็นเทพเจ้าเทวดา และส่วนมากก็ยังบอกว่าชีวิตหรือมนุษย์บนโลกเราก็ล้วนถูกสร้างขึ้นมาจากองค์กรชีวิตที่มาจากฟากฟ้าทั้งหลายทั้งปวงเหล่านั้นด้วยซ้ำไป