จิตวิญญาณมีที่มาที่ไปอย่างไร
เท่าที่รู้ยังไม่เคยอ่านพบว่า
เคยมีผู้อธิบายหรือตอบคำถามข้างบนที่ถามว่าจิตมนุษย์มีที่มา
และจุดหมายที่ไปอย่างไรหลังจากที่ร่างกายได้เสื่อมสลายไปแล้วในทางวิทยาศาสตร์แห่งยุคใหม่เอาไว้ในที่ใด?
อาจอ่านไม่หมดไม่ทั่วก็เป็นได้
แต่ที่คิดเองจากความรู้ฟิสิกส์แห่งยุคใหม่ที่ได้เล่ามาแล้วหรือในข้อเขียนอื่น
ๆ
เป็นต้นว่าความรู้ที่เป็นข้อเท็จจริงพิสูจน์แล้วทางแควนตัมเมคานิคส์และทฤษฎีทางแควนตัมที่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์
เช่นทฤษฎีแควนตัมจิตวิญญาณของโรเจอร์
เพ็นโรส
หลักการทางแควนตัมที่นำมาอธิบายกระบวนการจัดองค์กรตัวเองตามธรรมชาติที่อธิบายโดยพอลเดวีส์และคนอื่น
ๆ
ก็ได้เล่าไว้บ้างในเล่มนี้
นอกจากนี้ก็อาจประยุกต์ทฤษฎีการซ่อนเร้นตัวเองของโบห์ม
ทฤษฎีสมองและจักรวาลอนันตภาพหรือโฮโลแกรมของคาร์ลพิแบรม
ทฤษฎีความจริงไม่มีตำแหน่งแหล่งที่ของจอห์น
เบลล์
และความรู้ที่อยู่เหนือแควนตัมเมคานิคส์อื่น
ๆ
รวมทั้งที่เป็นทฤษฎีทางจิตวิทยาแห่งยุคใหม่ของเค็น
วิลเบอร์ที่มีการยอมรับกันมากในระดับสากลในปัจจุบัน
ทั้งหมดอาจนำมาสรุปเป็นข้อคิดเห็นโดยการอ้างอิงพื้นฐานวิทยาศาสตร์แห่งยุคใหม่ตามที่กล่าวมานั้น
ทั้งนี้เพื่อเป็นแนวทางสำหรับผู้ที่สนใจนักคิดทั้งหลายจะได้นำไปเปรียบเทียบกับการค้นคว้าทางความคิดในที่อื่น
ๆ ต่อไป
หากจะนำเอาพื้นความคิดของนักฟิสิกส์ระดับนำของโลกส่วนใหญ่แล้ว
แม้ว่าตอนนี้ยังไม่มีข้อพิสูจน์ที่เด็ดขาด
แต่ด้วยหลักฐานที่มีอยู่ทางคณิตศาสตร์และจากการสังเกตตามกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ที่มีอยู่ไม่น้อยแล้ว
ก็น่าเชื่อถือว่าจิตวิญญาณจะต้องสัมพันธ์อย่างแนบแน่นกับคลื่นอนุภาค
หรือเป็นส่วนละเอียดของอนุภาค
นักฟิสิกส์รางวัลโนเบลแทบทุกคนเชื่อหรือไม่ปฏิเสธความคิดเช่นนั้น
นอกจากผู้ที่กล่าวมาข้างต้นแล้วก็มีอีกมาก
เป็นต้นว่าไอน์สไตน์
ไฮเซ็นเบิร์ก นีลส์บอห์ร์
วุลฟแก็งพอลี่
ชโรดิงเกอร์
หรือไบรอันโจเซฟสัน จอห์น
วีลเล่อร์ ฟรีแมนไดสัน
ฯลฯ
รวมทั้งนักวิทยาศาสตร์สาขาอื่น
ๆ ที่ไม่ใช่นักฟิสิกส์
แพทย์หรือนักจิตวิทยาแม้แต่นักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ที่ส่วนมากคัดค้านในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างจิตกับอนุภาคของจักรวาร
เช่นโดนัลด์ แม็คเคย์ (Donald
Mackay)
ที่มีชื่อเสียงก็ยังเชื่อว่าในด้านของคณิตศาสตร์จิตวิญญาณอาจยังคงอยู่ในจักรวาลแม้ร่างกายจะตายไปแล้ว
แดเนียลเด็นเน็ต (Daniel Den - nett)
นักวิทยาศาสตร์ปรัชญาจากมหาวิทยาลัยทัฟท์กล่าวไว้อย่างชัดเจนว่า
เราจะต้องไม่ไปสรุปว่าที่วิทยาศาสตร์สอนเรา
สรรพสิ่งทุกอย่างจะต้องสามารถตรวจวัดได้เป็นการชุมนุมกันของสสารวัตถุที่เคลื่อนไปในที่ว่างและกำหนดด้วยเวลา
คนจำนวนมากคิดว่ามันเป็นสามัญสำนึกที่เป็นวิทยาศาสตร์ที่จะบอกว่าคุณไม่ได้มีอะไรทั้งสิ้นนอกจากสิ่งมีชีวิตที่ประกอบด้วยวัตถุทั้งแท่ง
เป็นกลุ่มก้อนของอะตอมความคิดเช่นนั้นต่างหากที่
ขาดความสำนึกทางวิทยาศาสตร์อย่างที่สุด
เราไม่จำเป็นที่จะต้องเชื่อเรื่องผีสางนางไม้ที่จะคิดว่ายังมีจิตมีอัตมันเป็นตัวตนผ่านการรับรู้ทางกายสภาพไม่ได้
และที่ฟรีแมน ไดสัน (Freeman Dyson)
นักวิทยาศาสตร์รางวัลโนเบลที่เชื่อมั่นจากการสังเกตในห้องทดลองว่าอีเล็คตรอนมีจิตรู้เป็นคุณสมบัติเบื้องต้น
มันจึงมีพฤติกรรมประหลาด
ๆ เมื่อเผชิญอุปสรรคเช่น
การสปินหรือการขุดอุโมงลอดที่คุมขังเป็นต้น
ความสัมพันธ์ระหว่างคลื่นอนุภาคกับจิตวิญญาณไม่ว่ามันจะเป็นจิตวิญญาณ
เป็นตัวคลื่นอนุภาคเองหรือเป็นผลผลิตของอนุภาค
เช่นอีเล็คตอนที่ทำงานด้วยกลไกแควนตัมเมคานิคส์
กระบวนการที่เซลล์ของสมอง
(Roger Penrose)
หรือว่าจิตวิญญาณเป็นส่วนที่ละเอียดของอนุภาค
ที่เปลี่ยนสภาพในสนามของคลื่นแควนตัมที่พัวพันกันอย่างไม่มีตำแหน่งแหล่งที่ในรูปที่เป็นการเคลื่อนไหว
(holodynamics)
อย่างซ่อนเร้นตัวเอง (David
Bhom/Karl Pibram)
หรือข้อสมมุติฐานอื่น ๆ
ไม่ว่าอย่างหนึ่งอย่างใดล้วนชี้บ่งว่าจักรวาลเองคือองค์กรแห่งข้อมูลหรือจิตวิญญาณที่สัมพันธ์กับคลื่นอนุภาคและสนามที่พัวพันอย่างซับซ้อน
โดยไม่มีตำแหน่งหรือเวลามากำหนด
ที่โดยกฎของธรรมชาติจะต้องเคลื่อนไหวจัดองค์กรตัวเองในระนาบและระดับหรือองศาในการพัวพันนั้น
ๆ
คลี่ขยายเป็นสรรพสิ่งทั้งหมด
รวมทั้งเป็นจิตของมนุษย์
จิตวิญญาณจักรวาลจึงเป็นสากลและไม่มีขอบเขต
อยู่ทั่วไปไม่มีตำแหน่งและทำนายไม่ได้
เช่นทฤษฎีความจลาจลไร้ระเบียบไปสู่ความเป็นระเบียบ
ดังนั้นจักรวาลที่เป็นองค์รวมของคลื่นอนุภาคทั้งหมดก็เป็นองค์รวมของจิตวิญญาณทั้งหมดเช่นกัน
ส่วนหนึ่งหรือระดับหนึ่งของจิตสากลแห่งจักรวาลเท่านั้นที่คลี่ขยายเป็นภาพลักษณ์หรือเป็นรูปธรรมกายวัตถุ
เป็นสรรพสิ่งที่มีรูปกายไม่ว่าจะเป็นสสารพลังงาน
หรือเป็นชีวิตที่เรารู้จักกัน
บนโลกหรือที่ดาวเคราะห์ดวงหนึ่งใด
ในสภาพของสสารก็ต้องมีการจัดองค์กรตัวเองไปตามขั้นตอนดังที่พอลเดวีส์อธิบายไว้แล้ว
ซึ่งสำหรับชีวิตโลกก็คือวิวัฒนาการอย่างค่อยเป็นค่อยไป
แต่ละตอนแต่ละชั้นสูงขึ้นมาจากโมเลกุลทางเคมีเป็นองค์กรชีวิต
ที่มีกรดนิวเคลอิคมียีนส์พันธุกรรมเป็นชีวิตซึ่งได้วิวัฒนาการขึ้นมาตามลำดับ
ดังที่สจ๊วตคอฟแมนอธิบาย
จากเซลล์เดี่ยวเป็นสัตว์ในไฟลัมต่าง
ๆ
เป็นพืชเป็นไดโนเสาร์แมมมอลและมนุษย์
ทั้งหมดที่กล่าวมานี้เป็นเรื่องด้านของฮาร์ดแวร์
|