ทั้งหมดหมายความว่าอย่างไร
ดังที่ปรารภเอาไว้ในอารัมภบทว่า
คำถามที่ดังก้องอยู่ในจิตสำนึกของมนุษย์มานานแต่โบราณว่าเราคือใคร
เป็นคำถามที่มีผู้พยายามตอบมาตลอดเวลาที่เนิ่นนานนั้นด้วยความคิดที่หลากหลายและวินัยที่แปลกต่างเท่าที่มนุษย์จะสามารถสรรหามาได้น่าเสียดายที่ตลอดเวลาของประวัติศาสตร์มนุษยชาติ
ก็ยังไม่มีผู้ใดให้คำตอบที่เบ็ดเสร็จสุดสิ้นโดยไม่มีผู้ใดโต้แย้ง
แม้แต่คำตอบที่คนส่วนมากพอที่จะร่วมยอมรับกันได้
หนังสือเล่มนี้ได้พยายามรวบรวมและคิดหาคำตอบ
ที่เป็นเพียงความสังเขปในวงกว้างได้ก็เพียงส่วนหนึ่ง
แค่ถ้าลองไล่ให้ดี
คำถามเช่นนั้นดูจะมีกลิ่นอายของตะวันตกหรือของกรีกเสียมากกว่า
ซึ่งสำหรับพวกเราที่อยู่ทางตะวันออกอาจอยากคิดว่าไหน
ๆ เราก็มาแล้ว
ที่เราอยากรู้ดูเหมือนจะเป็นคำถามที่ถามว่าแล้วเราจะไปไหนมากกว่า
หนังสือเล่มนี้ไม่ได้หาคำตอบตรงนั้นเอาไว้เท่าไรนัก
ทั้งนี้ก็เพราะว่าเป็นการเขียนให้พวกเราอ่านกันที่นี้
ทั้งหมดนั้นทางพุทธศาสนาได้ให้คำตอบไว้แล้วโดยละเอียดดังนั้นที่ให้ไว้ที่นี่เพียงเพื่อเสริม
ในด้านของหลักการทางวิทยาศาสตร์แห่งยุคใหม่ด้านแควนตัมเมคานิคส์บ้าง
เพื่อแสดงอีกครั้งหนึ่งว่าความรู้ที่อธิบายเป็นพุทธธรรมไว้นั้นชอบแล้ว
ที่พูดถึงตะวันตกตะวันออกหรือพวกเราและที่นี่
เป็นเรื่องของนิยามมากกว่าจะเป็นการนิยมความแบ่งแยกแปลกต่าง
และดังที่กล่าวมาแล้วในหนังสือเล่มนี้
ในด้านของนิยามและในบางขอบเขตหลักการความแปลกแยกย่อยย่อ
ก็เป็นการเสริมกระบวนการต่าง
ๆ
ของความรู้ใหม่ได้ตราบใดที่นำมาใช้ภายใต้กฎเกณฑ์
และหลักการหรือทัศน์แห่งองค์รวมและความเป็นทั้งหมด
จึงควรสรุปได้ว่าที่รวบรวมมานี้นั้น
ที่เป็นส่วนใหญ่ในการหาคำตอบเราคือใครนั้น
ได้ขมวดเป็นประเด็นอะไรบ้างและจากนั้นเพื่อขยายต่อในบทนี้ต่อไปเท่าที่ทำได้ว่าทั้งหมดมันมีขึ้นมาทำไมเพื่อความหมายอะไร
และต่อไปมันจะเป็นอย่างไร
ข้อมูลหลักฐานและข้อพิสูจน์ด้วยการค้นคว้าวิจัยอย่างเป็นระบบเป็นวิทยาศาสตร์
รวมทั้งที่เป็นหลักการและทฤษฎีที่เห็นชอบกันในหมู่นักวิทยาศาสตร์ระดับนำของโลก
อาจพอที่จะบ่งชี้หรือแสดงว่าทุกสิ่งและทั้งหมดที่เป็นสรรพสิ่งเป็นชีวิตมนุษย์และสังคมรวมทั้งโลกและจักรวาล
ในความสัมพันธ์ระหว่างกันด้วยระดับระนามและปริมาณล้วนแล้วแต่เป็นองคาพยพขององค์กรแห่งชีวิตด้วยกันทั้งสิ้น
ทั้งหมดเป็นส่วนและทุกส่วนเป็นทั้งหมดเป็นองค์รวมที่ยิ่งใหญ่หนึ่งเดียวกัน
อย่างที่ไม่สามารถแยกออกจากกันไปตามกฎของธรรมชาติเช่นนั้น
คำว่าองค์กรแห่งชีวิตที่นำมาใช้ในหนังสือเล่มนี้หรือในหนังสือวิชาการในระยะหลัง
ๆ
เล่มไหนก็ตามจึงเป็นเรื่องของความหมายมากกว่าจะเป็นนิยาม
เป็นคำที่นักวิทยาศาสตร์นักวิจัยส่วนใหญ่เห็นพ้องต้องกันว่า
เหมาะสมกว่าคำว่าชีวิตที่ใช้กันอย่างหละหลวมและทั่วไป
เมื่อหมายถึงชีวิตที่เป็นเรื่องขององค์รวมเป็นกระบวนการ
ที่เป็นเหตุปัจจัยหรือสัมพันธ์กับอุบัติการณ์วัฏภาวะ
การโผล่ขึ้นมาให้ปรากฏอย่างทันทีทันใด
(emergent)
และกับวิวัฒนาการเคลื่อนไหวอย่างเป็นระบบที่มีกฎมีเกณฑ์ของความเป็นชีวิตต่อเนื่อง
หลังจากนั้นและยิ่งกว่านั้นองค์กรแห่งชีวิตสามารถรับรู้และตอบสนอง
มีจิตวิญญาณเฉกเช่นชีวิตที่เรารู้จักเข้าใจทุกประการ
ทั้งนี้หากว่าเราจะไม่นำเอาสามัญสำนึกที่เป็นความรู้สึกเฉพาะของมนุษย์
เราไม่นำเอาหลักการแปลกแยกย่อยย่อและหลักการอื่นใดที่ไม่เกี่ยวข้องกับกระบวนการของชีวิตมาใช้
เป็นต้นว่าเงื่อนไขของขนาดหรือรูปร่างของสสารวัตถุที่ไปผูกเป็นองค์ประกอบ
หรือนำเอาที่ว่างและเวลาเข้ามาเป็นตัวกำหนด
ด้วยกระบวนการและกฎเกณฑ์ที่เป็นวิทยาศาสตร์ดังกล่าวเหตุผลและองค์ประกอบของชีวิต
ก็จะครบถ้วนสำหรับองค์กรแห่งชีวิตหนึ่งใดอย่างที่อาจกล่าวได้ว่า
สมบูรณ์ยิ่งกว่าคำว่าชีวิตที่เรารู้จักและเคยชินอยู่กับมัน
ดังนั้นจักรวาล
โลกที่ไม่เฉพาะแต่ไบโอเสฟียร์ทั้งหมดนั้นเท่านันหากยังรวมทั้งภูเขาแม่น้ำและทะเลที่ล้วนเป็นองค์กรแห่งชีวิตเช่นเดียวกับมนุษย์
เช่นเดียวกับช้างม้าปลาวาฬหรือผึ้งและแมลงมุมแมลงวันอย่างไม่มีความแตกต่างกันเลย
มันไม่มีกฎใดที่บอกว่าชีวิตจะต้องประกอบด้วยโมเลกุลของสารอินทรีย์ของโปรตีนเท่านั้น
ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องที่เหลวไปในด้านของระบบที่มนุษย์จะสร้างขึ้นมาเป็นกฎเสียเองและบังคับกฎธรรมชาติและจักรวาลหรือมนุษย์จะยกเลิกสิ่งที่เป็นนิรันดรทิ้งไป
เพียงเพื่อเป็นความพอใจของมนุษย์เท่านั้น
มันจึงไม่มีกฎอะไรที่ไหนที่บอกว่าการเสื่อมสลายของชีวิตจะต้องเป็นการสิ้นสุดอย่างกะทันหัน
และพร้อมเพรียงกันของทุกระบบที่เป็นเวลาหนึ่งเวลาใดหรือต้องยาวนานเท่าไร
เป็นร้อยปีหรือร้อยล้านปี
หรือนานกว่านั้นถึงจะเป็นชีวิตหรือไม่เป็นชีวิต
มันไม่มีกฎอะไรที่จะกำหนดว่าจิตรู้จิตวิญญาณ
จะต้องอยู่ภายในหรือสัมพันธ์กับก้อนวัตถุเนื้อเยื่อที่มีรูปแบบหนึ่งรูปใด
ทั้งนี้ก็เพราะว่าองค์กรแห่งชีวิตที่แท้
และทั้งหมดมันเป็นกระบวนการไม่ใช่รูปแบบเป็นองค์กรไม่ใช่ระบบหนึ่งใด
และเป็นเรื่องขององค์รวมไม่ใช่ชิ้นส่วนที่แปลกแยกเป็นเอกเทศ
ดังนั้นชีวิตในนิยามที่เป็นภาษารับรู้กันที่แท้และสมบูรณ์
คือเป็นองค์กรระดับหนึ่งขององค์กรแห่งชีวิตที่ซับซ้อนของไบโอเสฟียร์
ที่แม้จะเป็นองค์กรในระดับสูงกว่ามนุษย์แต่ไบโอเสฟียร์ก็เป็นส่วนขององค์กรรวมในระดับที่ใหญ่กว่าสูงกว่าขึ้นไปตามลำดับ
และทั้งหมดมันแยกออกจากกันไม่ได้โดยไม่ส่งผลกระทบในรูปใดรูปหนึ่ง
ต่อกระบวนการที่จุดหนึ่งหรือที่ระดับระนาบใด
|