คลื่นแควนตัม
การทำงานคลื่นแควนตัม
บางทีอาจเรียกว่าการพัวพันของส่วนขยายของอนุภาค
(entangled attributes)
ส่วนขยายคือตำแหน่ง
หรือโมเม็นตัมหรือความสัมพันธ์กัน
(แรงดึงดูด)
ของอนุภาคจำนวนมากที่รวมกลุ่มกันในที่ว่างต่าง
ๆ ด้วยความเร็วต่าง ๆ
คลื่นอนุภาคที่รวมกันหรือพัวพันเป็นกลุ่มใหญ่กลุ่มน้อยนี้เมื่อมีผู้สังเกตเช่นคนซึ่งก็คือ
กองอนุภาคเช่นเดียวกันเข้าไปร่วมเป็นส่วนของกลุ่มนั้น
ๆ กระทำด้วยประสาทสัมผัส
เช่นตาหรือเครื่องมือเข้าไปตรวจจับคลื่นอนุภาคเหล่านั้นก็จะเกิดเป็นความรับรู้ต่าง
ๆ ขึ้นมาจากปฏิกิริยา (resonance)
ระหว่างกองกลุ่มคลื่นอนุภาคที่ถูกสังเกตกับกองคลื่นอนุภาคที่เป็นจิตวิญญาณของผู้สังเกต
รับรู้เป็นรูปกายเป็นวัตถุเป็นแสงสีเสียง
ที่เป็นรูปธรรมต่าง ๆ
ทั้งหมดนี้เป็นหลักการทางแควนตัมเมคานิคส์ที่นักวิทยาศาสตร์ทดสอบพิสูจน์ยอมรับกันโดยทั่วไป
ส่วนทฤษฎีของเดวิดโบห์มที่ยังมีผู้ไม่ยอมเชื่อแต่ก็ไม่สามารถจะหาหลักฐานมาค้านได้
อธิบายลึกลงไปอีกว่าในระดับใต้หรือต่ำกว่าแควนตัมนั้น
คลื่นอนุภาคทั่วทั้งจักรวาลไม่ว่าที่ใด
หรือเป็นกลุ่มก้อนไหนล้วนเชื่อมโยงกันสามารถติดต่อกันได้
"อย่างทันทีทันควันยิ่งกว่าด้วยความเร็วที่เหนือว่าความเร็วแสง"
(instantanous)
กลุ่มก้อนที่เดวิดโบห์มเรียกว่าศักยภาพของแควนตัม
(quantum potential)
ในสภาพที่ซ่อนเร้นตัวเองหรือเปิดเผยตัวเองกลับไปมาด้วยองค์กรของมันเอง
อย่างไม่มีตำแหน่งแหล่งที่
(Nonlocal enfolded - unfolded)
ทั้งหมดอยู่ในสนามพลังที่ได้พลังงานมาจากการเปลี่ยนแปลง
หรือชนปะทะกันเองโดยมีตัวแปรที่ซ่อนตัว
(hidden variable)
เป็นตัวกำหนดให้ศักยภาพแควนตัมคลี่ตัวเปิดเผยให้ออกมาเป็นสรรพสิ่งเป็นวัตถุเมื่อมีการสังเกตด้วยตาหรือประสาทสัมผัส
ที่ก็เป็นการทำงานของคลื่นอนุภาคในเซลสมองที่ทำหน้าที่เป็นคลื่นจิตวิญญาณ
พูดง่าย ๆ
ก็คือโบห์มเชื่อว่าสิ่งที่ซ่อนเร้นหรือเปิดเผย
ที่เป็นศักยภาพแควนตัมอันไม่มีตำแหน่งแหล่งที่อยู่
ก็คือความจริงในระดับที่ละเอียดที่สุด
(micro reality)
ที่ล้วนเป็นหนึ่งเดียวกันและเชื่อมโยงต่อเนื่องกันและกันไปทั่วจักรวาล
ในมิติหรือระนาบที่ซับซ้อนพัวพันกัน
ความจริงที่ละเอียดนี้เป็นแหล่งข้อมูลทั้งหมดของจักรวาลที่ไม่มีอดีตปัจจุบันหรืออนาคต
ในอีกด้านหนึ่งก็มีหลักฐานอยู่บ้างแล้วว่าคลื่นอนุภาคที่วิ่งเข้าออกในเซลของสมองสามารถเปลี่ยนเป็นจิตวิญญาณ
โดยหลักการทางแควนตัมเมคานิคส์
ก่อนที่จะให้โมเลกุลของสารเคมีสร้างพลังงานเป็นสารเคมีหรือกระแสไฟฟ้า
มันจึงเป็นเรื่องของคลื่นอนุภาคในสมองที่ทำงานรูปของจิตวิญญาณที่รับรู้
และแปลคลื่นอนุภาคที่เป็นกลุ่มก้อน
หรือคลื่นแสงที่คงอยู่ชั่วครู่ที่ผ่านเข้ามาทางตาหรือประสาทสัมผัสอื่นใดให้เปลี่ยนเป็นภาพเป็นเสียง
หรือสัมผัสได้เป็นวัตถุที่เป็นรูปธรรมทั้งหลายทั้งปวง
(Roger PenRose & Stuart Hamiroff)
ทั้งหมดกำลังอยู่ในระหว่างการพิสูจน์ในระยะสุดท้ายอยู่
ในขณะนี้เพ็นโรสเองมั่นใจมากถึงกับกล่าวว่า
"แน่ใจว่าโดยหลักการแล้ว
เรื่องทั้งหมดจะเป็นความจริงได้จริงมากกว่า
80 เปอร์เซ็นต์" (บทที่เจ็ด
จิตกับสมอง)
ดังนั้น
ลักษณะของแควนตัมที่ไม่มีตำแหน่งแหล่งที่
(non - local)
ไม่เป็นเหตุปัจจัยกันและกัน
(non - causal)
ไม่มีกำหนดหรือความแน่นอนได้
(non - determinism)
จึงเป็นเรื่องที่อยู่ตรงกันข้ามกับฟิสิกส์กายภาพที่เรารู้จักกันดี
กายภาพและวัตถุที่เราเชื่อว่าเป็นความจริงแท้กำหนดได้
สิบปากว่าไม่เท่ากับตาเห็น
ฟิสิกส์กายวัตถุนั้นไม่เป็นความจริงในมาตรของจักรวาลที่โลกเราเป็นส่วนน้อยนิดยิ่งนัก
อย่างไรก็ตามแม้ว่าฟิสิกส์กายวัตถุไม่เป็นความจริงเลย
แต่ก็ถูกต้องเพียงแต่ว่ามันถูกต้องแต่บนโลกและกับส่วนขยายของโลก
ถูกต้องสำหรับมนุษย์และเพื่อประโยชน์ของมนุษย์การสื่อและการอยู่ร่วมกันของเราเท่านั้น
แต่ไม่ถูกต้องกับหมาหมูไก่หรือแมลง
เช่นที่กล่าวมาแล้ว
ผู้สังเกตเป็นส่วนของแควนตัมเมคานิคส์เมื่อมีผู้สังเกตเข้าไปยังกับระบบ
มันก็จะเปลี่ยนสภาพที่ไม่แน่นอนไม่มีตำแหน่งแหล่งที่
ทายไม่ได้ให้เป็นความจริงทางโลกตามที่เครื่องมือผู้สังเกตต้องการวัดตรวจในตอนนั้น
การตรวจวัดที่เป็นการพิสูจน์วัตถุและรูปธรรมสภาพที่ไม่แน่นอน
มันจึงกลายเป็นแน่นอนเป็นสสารอนุภาคด้วยการสลายตัวของสภาพความเป็นคลื่นลงไปในทันทีทันใด
(wave function collapse)
ก่อนที่เราจะเริ่มตรวจจับมันเสียด้วยซ้ำอย่างกับว่ามันรู้ตัวล่วงหน้าได้
คุณสมบัติการสื่อข่าวสารระหว่างกันเช่นนี้คล้ายกับว่า
กระบวนการทำงานกลศาสตร์แควนตัมไม่มีตำแหน่งใด
ๆ แน่นอน (non - local)
ตำแหน่งในที่นี้หมายถึงบริเวณที่คลื่น
หรืออนุภาคเปลี่ยนสภาพเป็นปรากฏการณ์
จุดหนึ่งคือทุกจุดทุกตำแหน่ง
ไอน์สไตน์ถึงได้พูดว่า "มันติดต่อกันไม่ได้ว่าจะห่างกันเท่าใด
เหมือนกับว่าเป็นผี (ghostly action
- at - adistance)
และตรงนี้เองที่เรื่องของจิตวิญญาณมันเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องของแควนตัมเมคานิคส์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
อูยีนวิกเน่อร์วิทยาศาสตร์รางวัลโนเบล
ผู้ร่วมโครงการแมนฮัตตันที่ผลิตระเบิดปรมาณูระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง
และเป็นคนคัดค้านการเอาระเบิดไปทิ้งบริเวณที่มีคนอยู่อาศัยที่ญี่ปุ่นถึงได้พูดว่า
"จิตวิญญาณที่เข้าไปสังเกตรับรู้เองที่ไปสลายสภาพของความเป็นคลื่น
จิตวิญญาณที่มีส่วนในการบริหารกลไกธรรมชาติทางแควนตัม"
|