พยายามอธิบายแควนตัมเมคานิคส์
ความพยายามในการอธิบายแควนตัมเมคานิคส์ด้วยภาษาธรรมดา
หรือพยายามอธิบายกระบวนการทำงานของแควนตัมเมคานิคส์ในระดับที่ละเอียด
หรือในระดับจักรวาลด้วยการปรับขึ้นไปและลงมาที่ระดับโลกจึงเป็นเรื่องที่มนุษย์เราซึ่งมีชีวิตอยู่กับความเคยชินความถูกต้องระดับโลก
ยังไม่เข้าใจความจริงแท้จึงรับกันไม่ได้
หลายครั้งที่การอธิบายเช่นนั้นกลายเป็นเรื่องของความเร้นลับ
เช่นเดียวกับการอธิบายนามธรรมในทางศาสนาหรือเหนือธรรมชาติจนบางครั้งคล้ายไปทางไสยศาสตร์
เป็นต้นว่าอีเล็คตรอนหรือนุภาคใด
ๆ ก็ตาม
ถ้าไม่ไปวัดไปจับมัน
มันจะเป็นคลื่นหรือเป็นสสารอนุภาคเมื่อใดก็ได้ที่ทำนายไม่ได้
หรือแม้จะรู้ตำแหน่งทั้งสองสภาพนั้นในเวลาเดียวกันไม่ได้
หรือว่ามันอาจวิ่งไปทางซ้ายพร้อม
ๆ
กับที่มันวิ่งหมุนไปทางขวาเหมือนกับว่ามันอยู่ในโลกเราพร้อม
ๆ
กับที่มันก็อยู่ในอีกโลกหนึ่ง
คล้ายกับสภาพที่มันซ้อนกันอยู่
(superposition)
ซึ่งทั้งสองสภาพมีจริงเช่นนั้น
อันนี้เป็นไปไม่ได้
สำหรับฟิสิกส์กายภาพตามที่เราเคยเรียน
หรือว่าการหมุนรอบตัวเองหรือสปิน
(spin) ของอีเล็คตรอนแต่ละรอบมีค่าเท่ากับ
720 องศาแทนที่เป็น 360
องศาเช่นทรงกลมใดที่วิทยาศาสตร์สอนให้เรารู้
เราไม่เข้าใจและอธิบายด้วยฟิสิกส์คลาสสิคไม่ได้อีกเหมือนกัน
มันสปินหรือหมุนเช่นนั้นจริง
ๆ
เพราะว่าสนามแม่เหล็กที่เกิดจากการสปินของมันมีค่าเป็นสองเท่าของสนามที่ได้จากการหมุนรอบตัวเองของทรงกลมธรรมดาจริง
ๆ พอลเดวิสถึงได้พูดว่าโชคยังดีอยู่ที่เรื่องของแควนตัมเมคานิคส์
เป็นเรื่องรายละเอียดในระดับที่ไม่สามารถมองเห็นได้
ถ้าไม่เช่นนั้นการเอาเรื่องฟิสิกส์ใหม่ไปพูดในระดับโลกกายหรืออธิบายให้กับคนทั่ว
ๆ ไปทั้ง ๆ
ที่มันเป็นความจริงแท้อย่างที่สุด
ทุกคนจะต้องคิดว่านักฟิสิกส์เป็นบ้ากันไปทั้งหมดอย่างแน่นอน
ผู้ที่ต้องการแสวงหาความจริงแท้ทางวิทยาศาสตร์แห่งยุคใหม่
เข้าใจกฎธรรมชาติที่แท้ของจักรวาลทั้งหมดในระดับที่ละเอียดระดับที่ต่ำกว่าอะตอม
จะต้องเตรียมตัวเตรียมใจไว้ก่อนว่ากฎทางแควนตัมข้อหนึ่งในหลายต่อหลายข้อบอกว่า
ความจริงแท้ไม่อยู่ภายใต้ตรรกะของเหตุปัจจัยหรือเหตุผล
เดวิด ฟิงเกลส์ไตน์ (David
Fingelstein)
นักฟิสิกส์รางวัลโนเบลกล่าวว่า
"ตรรกกะและเหตุปัจจัยที่เป็นสากลอุดมการณ์ทางวิทยาศาสตร์นั้น
มันผิดมาตั้งแต่ต้น"
เดวิดพูดถึงผิดในที่นี้ก็คือ
ผิดจากความเป็นจริงที่แท้จริง
ไม่ใช่ผิดจากความจริงทางโลกที่เป็นเรื่องที่แม้ว่าถูกต้อง
แต่ก็ถูกต้องแต่สำหรับมนุษย์ในโลกนี้เท่านั้น
และถูกต้องแต่กับสิ่งที่รับรู้สัมผัสได้ด้วยประสาทสัมผัสภายนอกทั้งห้า
ตาหูลิ้นจมูกและกายที่รับเป็นประสบการณ์
เป็นความเคยชินสามัญสำนึกที่ติดตัวมากับมนุษย์เราเท่านั้น
ดังนั้นการเข้าถึงความจริงทางแควนตัมจะต้องทิ้งหลักการของฟิสิกส์กายภาพ
ความรู้ความคิดวัตถุนิยมแยกเอาไปไว้ต่างหากเสียก่อน
เช่น
หลักการใหญ่ที่สำคัญที่สุดทั้งสามหลักการของวิทยาศาสตร์กายภาพที่ก็คือ
มีอะตอม
มีรูปธรรมและกำหนดได้ (stomism
objectivism determinism)
มันกลับหัวกลับหางกันจนหมดเพราะในแควนตัมเมคานิคส์
หลักการของมันกลับตรงกันข้ามคือ
ไม่มีอะตอม ไม่มีรูปธรรม
และกำหนดไม่ได้ (non-atomism non -
objectiveism non - determinism)
นั่นเป็นหลักการที่นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกไปประชุม
และให้การรับรองกันที่นครโคเป็นเฮเกนในการประชุมใหญ่ที่นักฟิสิกส์ทั่วโลก
ในปลายทศวรรษที่ 1920 (Copen hagen
Interpretation)
และนั้นเป็นความจริงอะตอมที่วัดได้จับตัวได้ก็ต่อเมื่อมนุษย์เข้าไปเกี่ยวข้อง
แม้กระนั้นถ้าอะตอมที่วัดจับได้มาทำให้เย็นจัด
(Bose - Einstein Atom)
มันก็จะกลายสภาพเป็นคลื่นไปเลย
|