แควนตัมเมคานิคส์
กับชีววิทยา
ที่จริงได้พูดถึงเรื่องของแควนตัมเมคานิคส์ในด้านของฟิสิกส์และที่อาจเกี่ยวข้องเป็นเหตุปัจจัย
หืออย่างหนึ่งอย่างใดกับจิตวิญญาณเอาไว้บ้างแล้วในหนังสือเล่มอื่น
ๆ
ดังนั้นจะไม่เขียนซ้ำอีกในหนังสือเล่มนี้
นอกจากจะเป็นการกล่าวนำทั่วไป
แต่จะมาวิเคราะห์ในด้านของความเป็นไปได้ที่จะนำแควนตัมเมคานิคส์มาอธิบายกระบวนการทางชีววิทยาและการกำเนิดชีวิตหรือที่จริงคือเรื่องของการจัดองค์กรตัวเอง
ทฤษฎีที่อธิบายองค์รวมแห่งชีวิตที่กำลังมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อย
ๆ และเป็นไปได้ว่าแควนตัมเมคานิคส์จะมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างมากต่อชีววิทยาในระดับของอะตอมหรือใต้อะตอม
และแม้ว่าในระดับของโมเลกุลในบางครั้ง
ได้มีการพูดกันในหมู่นักวิทยาศาสตร์กันทั่วไปว่า
นักฟิสิกส์ได้ค้นพบและสร้างปรัชญาวัตถุนิยม
และหลักการแบ่งแยกย่อยย่อขึ้นมาและได้ถ่ายทอดสอนความรู้ที่ค้นพบ
และปรัชญาวัตถุนิยมและหลักการแบ่งแยกย่อยที่ว่าไป
ปล่อยเกาะให้นักชีววิทยาต้องอยู่กับหลักการทางฟิสิกส์ของอดีต
นั่นเป็นความจริง
ที่สุดฟิสิกส์แห่งยุคใหม่แทบว่าเป็นเรื่องขององค์รวมที่อยู่ตรงกันข้ามกับการแบ่งแยก
ว่าไปแล้วฟิสิกส์ใหม่อาจสนับสนุนเหตุปัจจัยของการเกิดของสรรพสิ่งที่เป็นข้อสุดท้าย
(final cause) ของอะริสโตเติลที่ได้เล่าไว้ในบทที่สาม
นั่นก็คือฟิสิกส์ด้านแควนตัมเมคานิคส์ที่กำลังพูดถึงเรื่องของการกำหนด
ที่มาที่ไปหรือเป้าหมายของชีวิตและสรรพสิ่งเหมือนกับว่า
เป็นการวางแผนไว้ให้มันเป็นเช่นนั้นเอาไว้แล้ว
(teleology)
จริงทีเดียวฟิสิกส์แห่งยุคใหม่ที่เริ่มต้นด้วยกฎแห่งความสัมพันธภาพทั่วไปของไอน์สไตน์
และมาทำให้มันหนักหน่วงด้วยแควนตัมเมคานิคส์ที่พิสูจน์แน่นอนเมื่อปลายทศวรรษ
1920 ได้ทำลายฟิสิกส์คลาสสิคส์วิทยาศาสตร์กายภาพ
ความเป็นรูปธรรมวัตถุคือความจริงลงไปแทบว่าจะโดยสิ้นเชิง
ฟิสิกส์ใหม่กลับไปเน้นความจริงในทางที่เป็นนามธรรมว่าเป็นความจริงแท้
ในฟิสิกส์คลาสสิคส์ของนิวตัน
กาลิเลโอ เบคอน และเดส์การ์ตนั้นสสาร
(matter) ที่ว่าง (space) และเวลา (time)
ล้วนแยกจากกันและในการพิสูจน์ความจริงของโลกแห่งระบบ
ก็อยู่ที่ว่าสสารนั้นเป็นอะไร
อยู่ที่ตำแหน่งไหนในที่ว่างหรือระยะทาง
(position)
และเคลื่อนที่ไปที่ใด
หรือความเร็วที่วัดด้วยเวลาที่เดินเป็นเส้นตรง
(velocity or momentum)
โดยมีแรงจากภายนอกมากระทำให้สสารนั้นเคลื่อนที่
ฟิสิกส์คลาสสิคส์จึงเป็นเรื่องของโลกภายสภาพสามารถสื่อสภาพรูปธรรมนั้น
ให้เป็นภาษาเพื่ออธิบายรูปธรรมนั้น
ๆ ว่าเป็นความจริง
ตามที่สามัญสำนึกจิตสำนึกของมนุษย์ทุกคนรับรู้และใช้มันเป็นเครื่องมือในการดำรงชีวิตอยู่ในโลกนี้
มนุษย์เรานั้นไม่ว่าเกิดมาโดยมีที่มาที่ไปมีความหมายคุณค่า
หรือไม่มีที่มาที่ไปแน่นอนย่อมเป็นผลผลิตของโลกและจะต้องดำรงอยู่บนโลกนี้ตลอดไป
ดังนั้นฟิสิกส์กายภาพที่สอดคล้องเอื้อต่อการดำรงอยู่หรือสามารถนำมาประยุกต์ใช้เพื่อการดำรงชีวิต
ก็เป็นเรื่องถูกต้องทั้งหมด
ส่วนว่ามันจะเป็นความจริงหรือไม่เป็นความจริงก็เป็นเรื่องคนละประเด็น
ถูกต้องกับความจริงเป็นคนละเรื่องกันตราบใดที่มนุษย์เรา
จะไม่นำสิ่งที่มนุษย์มั่นใจว่าถูกต้องสำหรับมนุษย์ที่อยู่บนโลกนี้เท่านั้นมานั่งยันนอนยันว่า
ความเห็นของตนคือความจริงแท้ที่อธิบายสรรพสิ่งทั้งหมดทั่วทั้งจักรวาล
ในขณะที่แควนตัมเมคานิคส์อธิบายความจริง
ในระดับที่ละเอียดของสรรพสิ่งของจักรวาลทั้งหมด
ที่ล้วนเชื่อมโยงต่อเนื่องเป็นหนึ่งเดียวกัน
ที่ไม่ใช่เรื่องของกายภาพหรือรูปธรรมเท่านั้น
แต่อาจรวมถึงเรื่องของจิตวิญญาณและความหมายอันเป็นนามธรรมด้วย
จากความจริงทางแควนตัม
ที่สรรพสิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดล้วนเชื่อมโยงต่อกันแยกจากกันไม่ได้
ดังนั้นสสารที่ว่างและเวลาจึงแยกจากกันไม่ได้
สรรพสิ่งทั้งมวลในระดับที่ละเอียดเช่นนั้น
จึงล้วนเคลื่อนไหวต่อเนื่องด้วยแรงที่ก่อเกิดจากภายในทั้งหมด
ด้วยภาษาคณิตศาสตร์และตัวเลขที่ส่วนหนึ่งได้มาจากการคำนวณอย่างซ้ำซ้อน
(algorithm)
ฟิสิกส์ใหม่จึงไม่ได้ให้ความสำคัญเป็นพิเศษต่อมนุษย์
หรือโลกกายภาพมากไปกว่าสรรพสิ่งสัตว์พืชบนโลกที่ย่อมเห็น
และรับรู้ความจริงแตกต่างออกไป
ฟิสิกส์ใหม่ถือว่าโลกเป็นส่วนเล็กน้อยมากส่วนหนึ่งของทั้งหมดจักรวาลที่เป็นหนึ่งเดียว
และกฎของโลกเป็นกฎที่ใช้ได้แต่บนโลก
เป็นเพียงส่วนหนึ่งของกฎของจักรวาลที่เป็นกฎธรรมชาติซึ่งย่อมมีความสำคัญกว่า
และสามารถครอบคลุมบริหารกฎและความรู้ทางโลกด้วย
|